xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” สั่งเอกซเรย์ผลกระทบส่งออก ระดมทูตพาณิชย์ลุยเปิดตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกฯ ยอมรับ ส่งออกทรุดกระทบกำลังการผลิต-การเลิกจ้างงาน ตามที่คาดหมายไว้ สั่งรายงานตัวเลขสินค้า และตลาดที่ได้รับผลกระทบหนักสุด เชื่อ มาตรการกระตุ้น ศก.เห็นผลไตรมาส 2 “พรทิวา” เตรียมระดมทูตพาณิชย์ 58 ประเทศ หลังประชุม “อาเซียนซัมมิต” เป่านกหวีดลุยเจาะตลาดใหม่ “ทีดีอาร์ไอ” คาด แนวโน้มไตรมาส 3 น่าจะดีขึ้น พร้อมเตือนความเสี่ยง หากผูกการค้ากับตลาดจีนเพียงแห่งเดียว


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซีย อย่างเป็นทางการ กรณีปัญหาผลกระทบจากภาคส่งออกเดือนมกราคม 2552 ที่หดตัวกว่า 26% โดยยอมรับว่า อาจส่งผลกระทบถึงเรื่องการใช้กำลังการผลิต และเรื่องการจ้างงาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาลได้คาดการณ์เอาไว้ แนะได้เริ่มใช้มาตรการกระตุ้นตลาดภายในประเทศ เพื่อทดแทนส่วนที่หายไป แต่คงจะดำเนินการเท่าที่จะทำได้

“เหตุผลที่เราทำโครงการเรื่องการอบรมแรงงาน ก็ได้ให้ความสำคัญกับภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและพยายามที่จะให้มีการทำตัวเลขออกมาให้ละเอียดว่า ตลาดส่วนใดที่กระทบมากที่สุด ผลิตภัณฑ์หรือภาคธุรกิจใดที่กระทบมากที่สุด”

โดยวานนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานตัวเลขการส่งออกในเดือนมกราคม 2552 พบว่า มีการปรับตัวลดลงถึง 26.5% ในทุกหมวดสินค้า เนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

“เราก็คิดว่าแรงพอสมควร เพราะเราก็เห็นจากหลายประเทศที่หดตัวเกินกว่าร้อยละ 20 ก็มี หรือบางประเทศก็หดตัวประมาณร้อยละ 20 ก็เป็นตัวเลขที่ถือว่าสูง แต่ก็ไม่ได้นอกเหนือความคาดหมาย”

สำหรับการรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า การหาตลาดใหม่หรือชดเชยเรื่องการส่งออก เราสามารถทำได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกเป็นอย่างนี้ เราต้องหวังจากผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจและความร่วมมือ ซึ่งอาจจะเห็นผลในช่วงไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป เพราะเป็นเรื่องของต่างประเทศ

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมแผนรับมือผลกระทบโดยจะผลักดันให้มีการส่งออกไปยังตลาดใหม่ ให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ อย่างน้อยร้อยละ 5 เพื่อเสริมการส่งออกของประเทศโดยรวม หลังจากมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนแล้ว ทางกระทรวงพาณิชย์ จะเชิญผู้ประกอบการในแต่ละโซนสินค้าสำคัญ มาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาธุรกิจ

“ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว และในสัปดาห์หน้า จะมีการเชิญประชุมทูตพาณิชย์จาก 56 แห่งทั่วโลก เป็นข้อมูลให้กับผู้ประกอบการ และจะมีการออกมาตรการเพิ่มเติม ทั้งในเรื่องของการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะด้านภาษี และทิศทางตลาดการค้า”

นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า สถาบันเตรียมประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ใหม่อีกครั้ง ซึ่งอาจต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ร้อยละ 2 เนื่องจากการส่งออกที่ลดลง

ขณะเดียวกัน ได้รับรายงานการประเมินเศรษฐกิจจากหน่วยงานอื่น ที่คาดว่า จีดีพีของไทยอาจติดลบร้อยละ 3.5 โดยไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ของปีนี้ จะเป็นช่วงที่ไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจมากที่สุด ซึ่งเศรษฐกิจทั่วโลกที่กำลังเข้าสู่ภาวะติดลบ หากไทยยังพึ่งพาเศรษฐกิจของคู่ค้า เช่น ประเทศจีนแต่เพียงอย่างเดียว อาจส่งผลให้จีดีพีทั้งปีเติบโตไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ คือ ร้อยละ 2 อย่างแน่นอน

ส่วนมาตรการอัดฉีดงบประมาณของรัฐบาลเป็นเพียงมาตรการระยะสั้น อาจส่งผลให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 เริ่มดีขึ้น ส่วนการประกาศมาตรการพยุงเศรษฐกิจในระยะกลาง และระยะยาว ที่ชัดเจนของรัฐบาลนั้น สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี
กำลังโหลดความคิดเห็น