ปธ.ทีดีอาร์ไอ เตือนรัฐอย่าเน้นรีดภาษี ห่วงดึงเงินจากมือประชาชนไปใช้ เพราะการใช้จ่ายภาครัฐยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าเอกชน อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี พร้อมแนะเร่งใช้มาตรการกระตุ้นการลงทุนโดยเร่งด่วน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณสุข และการศึกษา
นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในการสัมมนา “มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉุดไทยฝ่าวงล้อมวิกฤติเศรษฐกิจโลก” โดยเตือนรัฐบาลอย่าเน้นการปรับขึ้นภาษี เพื่อหารายได้เข้ากระเป๋าในช่วงนี้ เพราะเป็นการดึงเงินจากมือประชาชนไปใช้ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าเอกชน อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี แนะเร่งกระตุ้นการลงทุนโดยด่วน
ประธานทีดีอาร์ไอ สนับสนุนแนวคิดกระทรวงการคลังที่ยังไม่มีการขยายฐานการจัดเก็บรายได้ภาครัฐด้วยการปรับขึ้นภาษี เพราะขณะนี้รัฐบาลไม่ควรคำนึงถึงแต่การหารายได้ แต่ควรใช้เป็นมาตรการระยะกลาง เนื่องจากเห็นว่าการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นในขณะนี้จะเป็นการฉุดเศรษฐกิจมากกว่าจะมีผลดี
“การที่รัฐบาลนำเงินจากมือประชาชนมาใช้ ขณะที่รัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพในการใช้เงินเท่ากับภาคเอกชน ถ้ายิ่งทำก็จะยิ่งกระทบมากขึ้น”
นอกจากนั้น รัฐบาลควรจะหันมาเน้นการใช้มาตรการกระตุ้นการลงทุนทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณสุข และการศึกษา หลังจากที่ได้ออกมาตรการประชานิยมไปแล้ว
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทีดีอาร์ไอ ได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2552 จะขยายตัว 1.9% ซึ่งได้ประเมินไว้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 แต่ขณะนี้สถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า ถึงจุดต่ำสุดหรือยัง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างมาก และยังมองว่าเมื่อเศรษฐกิจโลกถึงจุดต่ำสุดแล้ว ก็อาจจะต้องใช้เวลาอีก 2 ปีกว่าจะฟื้นตัว
ดังนั้น หวังว่า นโยยายที่รัฐบาลนำออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้จะสามารถได้ผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่เพื่อประคองไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดลบ แต่ก็ยอมรับว่ามีความเสี่ยงที่จะติดลบสูงมาก