xs
xsm
sm
md
lg

เพลย์บอยยังหวั่นกำลังซื้อหด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ล้ำยุคฯหวั่นกำลังซื้อปีนี้ยังไม่กระเตื้อง ตั้งเป้าแบรนด์เพลย์บอยโตเท่ากับปีที่แล้ว 20% พร้อมชูแผนยืดหยุ่นปรับได้ทุกเมื่อ

นายวรวุฒิ หวังวรวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท ล้ำยุค (มิลเลนเนียม 2002) จำกัด ผู้รับลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ เพลย์บอย ( PLAY BOY) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปีนี้ของบริษัทจะไม่กำหนดตายตัว แต่จะสามารถยืดหยุ่นได้ตามภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าภาวะเศรษฐกิจและการเมืองจะเป็นอย่างไร จะมีพิษเศรษฐกิจรอบสองอีกหรือไม่ เราต้องมีแผนรองรับ ปรับแผนได้ทุกเมื่อ

“ผมยังเป็นห่วงเรื่องกำลังซื้อในปีนี้ ว่า จะยังมีไม่มาก เราจึงต้องทำโปรโมชันมากๆ แต่ยืนยันว่าเราไม่ใช้กลยุทธ์ราคามาทำตลาด เพราะว่าเป็นเรื่องที่ดีในช่ววงแรกเท่านั้น แต่ระยะยาวแล้วจะทำลายตัวเอง อย่างไรก็ตาม ปีนี้ยังคาดหวังว่ารายได้รวมจะเติบโต 20% เท่ากับอัตราการเติบโตของปีที่แล้ว 20%” นายวรวุฒิ กล่าว

โดยปีที่แล้วที่พลาดเป้าไปเล็กน้อยเนื่องจาก ว่า กำลังซื้อของลูกค้าลดลง เหลือการซื้อครั้งลละประมาณ 2,000 บาท จากเดิมที่ซื้อเฉลี่ย 4,000-5,000 บาทต่อครั้ง

แผนธุรกิจปีนี้ คือ 1.ขยายสาขา โดยใช้งบลงทุนรวม 15 ล้านบาท เปิดร้านชิคคลับอีก 4-5 แห่ง จากเดิมมี 8 แห่ง (เป็นร้านที่ขายแบรนด์เพลย์บอย 80% และแบรนด์อื่น 20%) และเปิดร้านเพลย์บอยสโตร์อีก (ขายแบรนด์เพลย์บอยอย่างเดียว) จากเดิมมีที่เซ็นทรัลเวิลด์ และเมเจอร์รัชโยธิน และยังมีเคาน์เตอร์เพลย์บอยในห้างสรรพสินค้าอีก 35 เคาน์เตอร์ คาดว่า ถึงสิ้นปีนี้จะมีสาขารวมมากกว่า 50 แห่ง

2.การร่วมมือกับพันธมิตรหลัก เช่น เดอะมอลล์ โรงหนัง ค่ายเพลง บัตรเครดิต ซึ่งปีนี้จะเน้นหนักไปที่ค่ายเพลงและโรงหนัง เพื่อขยายกลุ่มวัยรุ่น อีกทั้งจะได้ฐานลูกค้าเพิ่มด้วยจากฐานลูกค้าของแต่ละพันธมิตร 3.การทำซีอาร์เอ็ม เพื่อรักษาลูกค้าเก่าเอาไว้ รวมทั้งการทำอีเวนต์ทั้งปี ใช้งบตลาดรวม 15 ล้านบาท

ทั้งนี้ ฐานลูกค้าวีไอพีของบริษัทมีประมาณ 5,000 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการซื้อสินค้าเฉลี่ยทุกเดือนๆละ 3,000 บาท (แอคทีฟประมาณ 3,000 คน) ส่วนลูกค้าที่ซื้อน้อยเฉลี่ย ปีละครั้งประมาณ 2,000 คน โดยระดับราคาของเพลย์บอยอยู่ที่ 900-4,000 บาท

นอกจากนั้น ยังจะเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่มแอสเซ็ทซอรีอีก และสินค้าไอทีอีกด้วย รวมไปถึงการขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างรายได้ทดแทนในตลาด เช่น เวียดนาม ฮ่องกง อเมริกา พม่า เวียดนาม ตะวันออกกาง และเริ่มผลิตสินค้าเองด้วย ยกเว้นชุดชั้นในผู้หญิงที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในการผลิต ซึ่งสัดส่วนส่งออกยังมีแค่ 10% และเป็นรายได้จากในประเทศ 90% และการขยายตลาดต่างจังหวัดที่มีกำลังซื้อแต่บริษัทยังไม่ได้เข้าไปทำตลาด
กำลังโหลดความคิดเห็น