ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาด ภาวะเศรษฐกิจซบเซาปีนี้ กระทบการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ ลดลง 3% ผลสำรวจชี้ หนุ่มสาวชาวกรุงอารมณ์หดใช้เงินน้อยลง เน้นซื้อช็อกโกแลตให้คนรักแทนดดอกไม้ ส่วนใหญ่กังวลเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต และความมั่นคงในหน้าที่การงาน
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เผยผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ปี 2552 จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเยาวชน นิสิตนักศึกษา และกลุ่มผู้ที่เพิ่งจะเริ่มเข้าทำงาน คาดว่า ในปีนี้จะมีเม็ดเงินสะพัดทั่วกรุงเทพฯ ในช่วงวันวาเลนไทน์ ประมาณ 940 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบปี 2551 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังซบเซา ทำให้ผู้บริโภคเน้นประหยัด ลดการจับจ่ายใช้สอย เพราะยังวิตกกังวลเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตและความมั่นคงในหน้าที่การงาน
อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์ทั้งประเทศจะมีเม็ดเงินสะพัดในช่วงวันวาเลนไทน์ปีนี้ ที่ประมาณ 1,880 ล้านบาท โดยคำนวณจากเม็ดเงินสะพัดของคนกรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นผู้กระจายเม็ดเงินให้สะพัด 50% ของปริมาณเม็ดเงินทั้งประเทศในช่วงวันวาเลนไทน์
โดยปีนี้ วันวาเลนไทน์ ตรงกับวันเสาร์ ทำให้คาดหมายว่า กิจกรรมต่างๆ ในวันวาเลนไทน์ปีนี้จะคึกคักตั้งแต่ช่วงวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งเป็นวันหยุดยาว โดยบรรดาผู้ที่ให้ความสำคัญกับเทศกาลวาเลนไทน์ต่างนัดหมายกันไปจับจ่ายซื้อของกันล่วงหน้า
ทั้งนี้ ในยุคเศรษฐกิจซบเซา ทำให้ผู้บริโภคเน้นประหยัดรายจ่าย ทำให้ผู้บริโภคหันมาจัดอันดับความสำคัญของกิจกรรมในวันวาเลนไทน์ โดยกิจกรรมที่มีความสำคัญมาก คือ การมอบดอกไม้ให้กับผู้เป็นที่รักและการรับประทานอาหารร่วมกัน แต่งบประมาณที่มีจำกัด ทำให้ต้องมีการลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่เหลือ ซึ่งถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าจากการสำรวจช่วงวันวาเลนไทน์ปีนี้ พบว่า คนกรุงเทพฯ 34% เลือกซื้อช็อกโกแลต 32.7% เลือกซื้อดอกไม้และซื้อการ์ด 9.3% ประดิษฐ์สิ่งของเอง 7.1% เลือกซื้อของจากร้านกิฟต์ชอป 6.2% ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่คนกรุงเทพฯ เลือกซื้อช็อกโกแลตในวันวาเลนไทน์ มากกว่าซื้อดอกไม้
โดยพบว่าปีนี้จะมีการใช้จ่ายซื้อช็อกโกแลตปีนี้เฉลี่ย 290 บาทต่อคน น้อยกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ 320 บาทต่อคน แต่เป็นเม็ดเงินใช้จ่ายรวม 300 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายซื้อดอกไม้อยู่ที่ 253 บาทต่อคน จากปีก่อนอยู่ที่ 250 บาทต่อคน แต่เม็ดเงินใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 230 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน