แบงก์ชาติหนักใจ หวั่นปัญหาหนี้เน่า เรียกนายแบงก์ถก แนะให้เร่งปรับโครงสร้างหนี้ หลังมีสัญญาณลูกหนี้เดิมเริ่มจัดชั้นเป็นเอ็นพีแอล ด้านนายแบงก์พร้อมปฏิบัติ เผยเห็นพ้องต้องกัน
เมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) เวลา 09.30-12.00 น. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้เรียกธนาคารพาณิชย์ไทยจำนวน 14 แห่งมาหารือร่วมกับธปท.ถือเป็นการประชุมประจำปี 2552 ซึ่งมีผู้บริหารธนาคารพาณิชย์เข้าร่วม ขณะที่ด้านธปท.มีผู้บริหาร นำโดยนายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน และนายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน
นายสรสิทธิ์.เปิดเผยว่า การเรียกธนาคารพาณิชย์มาคุย 3 เรื่องหลัก คือ 1.สรุปภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมในช่วงที่ผ่านมาและทิศทางในอนาคต ซึ่งธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่รับทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้วภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่นิ่ง 2.ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ในระบบในประเด็นที่สำคัญ และ3.การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเงินกองทุนของสถาบันการเงิน(บาเซิล 2)
ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่ธปท.ได้ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์มีหลักใหญ่ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.ให้ธนาคารพาณิชย์รายงานข้อมูลหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ที่เชื่อมโยงกับธปท.และธนาคารพาณิชย์ให้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป็นการป้องกันแนวโน้มเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด 2.หากมีสัญญาณลูกหนี้เริ่มเข้าไปอยู่ในกลุ่มเอ็นพีแอล ธนาคารพาณิชย์ควรเร่งปรับปรุงหรือแก้ไขด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ตามสภาพลูกหนี้ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น แต่ไม่ควรเร่งเกินความจำเป็น
และ3.การบริหารสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพคล่องในประเทศของปีนี้มากขึ้น จึงต้องมีการติดตามข้อมูลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ส่วนการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์บาเซิล 2 ซึ่งขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ไทยได้ใช้ไปบางส่วนแล้ว ทำให้การหารือครั้งนี้เป็นการตรวจสอบความมั่นคง จึงต้องการให้ธนาคารพาณิชย์ดูแลเรื่องความพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป ซึ่งยอมรับว่ามีสถาบันการเงินบางแห่งมีอุปสรรเรื่องนี้บ้าง เพราะขนาดสถาบันการเงินที่แตกต่างกันไป ดังนั้น หากต่อไปธนาคารพาณิชย์รายใดติดขัดก็สามารถหารือกับธปท.ได้
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การหารือร่วมกันของ ธปท.กับธนาคารพาณิชย์ไทยในครั้งนี้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา และภาพรวมของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย รวมถึงประเด็นท้าทายในระยะต่อไป ซึ่งธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่มีมุมมองด้านเศรษฐกิจไม่ต่างกับ ธปท. จึงแนะนำให้ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเอ็นพีแอลในระบบ
เมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) เวลา 09.30-12.00 น. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้เรียกธนาคารพาณิชย์ไทยจำนวน 14 แห่งมาหารือร่วมกับธปท.ถือเป็นการประชุมประจำปี 2552 ซึ่งมีผู้บริหารธนาคารพาณิชย์เข้าร่วม ขณะที่ด้านธปท.มีผู้บริหาร นำโดยนายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน และนายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน
นายสรสิทธิ์.เปิดเผยว่า การเรียกธนาคารพาณิชย์มาคุย 3 เรื่องหลัก คือ 1.สรุปภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมในช่วงที่ผ่านมาและทิศทางในอนาคต ซึ่งธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่รับทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้วภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่นิ่ง 2.ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ในระบบในประเด็นที่สำคัญ และ3.การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเงินกองทุนของสถาบันการเงิน(บาเซิล 2)
ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่ธปท.ได้ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์มีหลักใหญ่ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.ให้ธนาคารพาณิชย์รายงานข้อมูลหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ที่เชื่อมโยงกับธปท.และธนาคารพาณิชย์ให้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป็นการป้องกันแนวโน้มเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด 2.หากมีสัญญาณลูกหนี้เริ่มเข้าไปอยู่ในกลุ่มเอ็นพีแอล ธนาคารพาณิชย์ควรเร่งปรับปรุงหรือแก้ไขด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ตามสภาพลูกหนี้ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น แต่ไม่ควรเร่งเกินความจำเป็น
และ3.การบริหารสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพคล่องในประเทศของปีนี้มากขึ้น จึงต้องมีการติดตามข้อมูลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ส่วนการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์บาเซิล 2 ซึ่งขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ไทยได้ใช้ไปบางส่วนแล้ว ทำให้การหารือครั้งนี้เป็นการตรวจสอบความมั่นคง จึงต้องการให้ธนาคารพาณิชย์ดูแลเรื่องความพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป ซึ่งยอมรับว่ามีสถาบันการเงินบางแห่งมีอุปสรรเรื่องนี้บ้าง เพราะขนาดสถาบันการเงินที่แตกต่างกันไป ดังนั้น หากต่อไปธนาคารพาณิชย์รายใดติดขัดก็สามารถหารือกับธปท.ได้
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การหารือร่วมกันของ ธปท.กับธนาคารพาณิชย์ไทยในครั้งนี้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา และภาพรวมของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย รวมถึงประเด็นท้าทายในระยะต่อไป ซึ่งธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่มีมุมมองด้านเศรษฐกิจไม่ต่างกับ ธปท. จึงแนะนำให้ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเอ็นพีแอลในระบบ
