แบงก์กรุงเทพมองเศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวในสถานการณ์คลี่คลายประมาณ 2-3% แนะประชาชนควบคุมการใช้จ่ายและระมัดระวังการก่อหนี้ ส่วนสินเชื่อแบงก์ปีหน้าจะขยายตัวที่ 5%ยันยังไม่มีแผนขายหนี้เน่า เพราะยังมีศักยภาพบริหารเองได้ดี ชี้หากแก้หนี้กลุ่มน้ำตาลได้จะทำให้เอ็นพีแอลลดลง
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าบนสมมุติฐานว่าสถานการณ์ทางการเมืองมีการคลี่คลายนั้น น่าจะมีการขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 2-3%ส่วนปัญหาทางการเมืองที่วุ่นวายในขณะนี้ถือว่ามีผลต่อความเชื่อมั่นมาก ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนและลึกซึ้งมาก อีกทั้งยังมีความรุนแรงกว่าในอดีตทำให้การแก้ปัญหานั้นเป็นเรื่องที่ยาก
ทั้งนี้จากปัญหาดังกล่าวทำให้ภาคเอกชนจะต้องดูแลตัวเองมากขึ้น โดยจะต้องมีการควบคุมเรื่องของค่าใช้จ่ายและคุณภาพเป็นหลัก รวมทั้งต้องมีการปรับตัวในการทำธุรกิจด้วย ซึ่งที่ผ่านมาทางผู้ประกอบการก็ได้มีการปรับตัวมาระดับหนึ่งแล้ว
"การขยายตัวของสินเชื่อแบงก์ปีหน้าตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่จะยังรักษาการเติบโตไว้ให้ได้ โดยน่าจะมีการขยายตัวมากกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจ ส่วนสภาพคล่องในขณะนี้ก็ถือว่ายังไม่มีปัญหา ส่วนปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล มาดูที่การแก้ปัญหาดีกว่า เพราะถ้าเอกชนมัวแต่กังวลและไม่ทำอะไรก็ไม่มีประโยชน์และที่เราบอกให้ทุกคนระวังเรื่องการก่อหนี้ก็ไม่ใช่จะไม่ให้ลงทุนแต่อย่าสร้างหนี้เพิ่มก็พอ"
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า แผนการทำธุรกิจของธนาคารในปีหน้าจะเน้นการทำธุรกิจด้วยความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้นเพื่อให้ลูกค้าสามารถปรับตัวได้ตามภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อปีหน้าว่าจะมีการขยายตัวประมาณ 5% บนพื้นฐานการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 2-3% อย่างไรก็ตามตัวเลขเป้าหมายดังกล่าวยังไม่ใช่ตัวเลขที่เป็นทางการและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ด้านนายสุวรรณ แทนสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า แนวโน้มของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปีก่อน ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งการเพิ่มขึ้นมาจากเอ็นพีแอลที่เกิดขึ้นใหม่และเอ็นพีแอลที่เคยปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ธนาคารปัจจุบันธนาคารมีเอ็นพีแอลอยู่ที่มากกว่า 5% จากเป้าหมายที่จะคุมให้อยู่ที่ 5% โดยขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างกระบวนการแก้หนี้กลุ่มน้ำตาลอยู่ และหากแก้ได้ก็จะทำให้เอ็นพีแอลลดลงซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
"เดิมปี 2550และ2551 เราคาดว่าเอ็นพีแอลจะเป็นขาลง แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจทำให้ไม่สามารถกดลงมาได้ แต่ทางธนาคารยังยืนยันที่จะไม่ขายออกไป เพราะมีความพร้อมที่จะบริหารเองเพราะมีทีมงานแก้หนี้ที่พร้อม อีกทั้งเพราะต้องการที่จะรักษาลูกค้าไว้ ส่วนหนี้กลุ่มน้ำตาลซึ่งมี 3 รายนั้นขณะนี้แก้ได้แล้ว 2 ราย ส่วนอีก 1 รายที่ล่าช้าเพราะติดเรื่องกระบวนการของศาล"
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าบนสมมุติฐานว่าสถานการณ์ทางการเมืองมีการคลี่คลายนั้น น่าจะมีการขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 2-3%ส่วนปัญหาทางการเมืองที่วุ่นวายในขณะนี้ถือว่ามีผลต่อความเชื่อมั่นมาก ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนและลึกซึ้งมาก อีกทั้งยังมีความรุนแรงกว่าในอดีตทำให้การแก้ปัญหานั้นเป็นเรื่องที่ยาก
ทั้งนี้จากปัญหาดังกล่าวทำให้ภาคเอกชนจะต้องดูแลตัวเองมากขึ้น โดยจะต้องมีการควบคุมเรื่องของค่าใช้จ่ายและคุณภาพเป็นหลัก รวมทั้งต้องมีการปรับตัวในการทำธุรกิจด้วย ซึ่งที่ผ่านมาทางผู้ประกอบการก็ได้มีการปรับตัวมาระดับหนึ่งแล้ว
"การขยายตัวของสินเชื่อแบงก์ปีหน้าตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่จะยังรักษาการเติบโตไว้ให้ได้ โดยน่าจะมีการขยายตัวมากกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจ ส่วนสภาพคล่องในขณะนี้ก็ถือว่ายังไม่มีปัญหา ส่วนปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล มาดูที่การแก้ปัญหาดีกว่า เพราะถ้าเอกชนมัวแต่กังวลและไม่ทำอะไรก็ไม่มีประโยชน์และที่เราบอกให้ทุกคนระวังเรื่องการก่อหนี้ก็ไม่ใช่จะไม่ให้ลงทุนแต่อย่าสร้างหนี้เพิ่มก็พอ"
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า แผนการทำธุรกิจของธนาคารในปีหน้าจะเน้นการทำธุรกิจด้วยความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้นเพื่อให้ลูกค้าสามารถปรับตัวได้ตามภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อปีหน้าว่าจะมีการขยายตัวประมาณ 5% บนพื้นฐานการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 2-3% อย่างไรก็ตามตัวเลขเป้าหมายดังกล่าวยังไม่ใช่ตัวเลขที่เป็นทางการและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ด้านนายสุวรรณ แทนสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า แนวโน้มของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปีก่อน ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งการเพิ่มขึ้นมาจากเอ็นพีแอลที่เกิดขึ้นใหม่และเอ็นพีแอลที่เคยปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ธนาคารปัจจุบันธนาคารมีเอ็นพีแอลอยู่ที่มากกว่า 5% จากเป้าหมายที่จะคุมให้อยู่ที่ 5% โดยขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างกระบวนการแก้หนี้กลุ่มน้ำตาลอยู่ และหากแก้ได้ก็จะทำให้เอ็นพีแอลลดลงซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
"เดิมปี 2550และ2551 เราคาดว่าเอ็นพีแอลจะเป็นขาลง แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจทำให้ไม่สามารถกดลงมาได้ แต่ทางธนาคารยังยืนยันที่จะไม่ขายออกไป เพราะมีความพร้อมที่จะบริหารเองเพราะมีทีมงานแก้หนี้ที่พร้อม อีกทั้งเพราะต้องการที่จะรักษาลูกค้าไว้ ส่วนหนี้กลุ่มน้ำตาลซึ่งมี 3 รายนั้นขณะนี้แก้ได้แล้ว 2 ราย ส่วนอีก 1 รายที่ล่าช้าเพราะติดเรื่องกระบวนการของศาล"
