กกร.เตรียมเสนอรัฐบาล เร่งเดินหน้าเมกะโปรเจกต์ โครงการพัฒนาสาธารณูปโภค ปัดฝุ่นเขตการค้าเสรี เพื่อขยายตลาด-แก้ปัญหาการส่งออก พร้อมออก กม.ค้าปลีกให้เป็นรูปธรรม
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า การประชุม กกร.ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2552 วานนี้ ที่ประชุมหารือข้อเสนอที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชน (กรอ.) ในเรื่องเร่งเดินหน้าการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ที่มีแผนการลงทุนค้างอยู่ อาทิ รถไฟรางคู่ การพัฒนาเดินทางทางน้ำ
“ภาคเอกชนเห็นว่าอยากให้ภาครัฐดำเนินการก่อสร้างต่อไป เพราะโครงการเหล่านี้ต้องใช้เวลาก่อสร้าง 3-5 ปี หากชะลอโครงการจะส่งผลกระทบต่อการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน จึงควรก่อสร้างเพื่อรองรับเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวในอนาคต รวมทั้งดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ”
นอกจากนี้ จะขอจัดตั้งคณะกรรมการร่วมโครงการต่างๆ ที่ร่วมลงนามในเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ต่างๆ ทั้งกับเจเทปป้า ญี่ปุ่น และอินเดีย รวมทั้งกระตุ้น ช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออก
นายสันติ กล่าวอีกว่า การออกกฎหมายค้าปลีก เพื่อให้เป็นรูปธรรมชัดเจน เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะมีการหารือในที่ประชุมในวันนี้ ซึ่งในหลักการของกฎหมาย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ค้าปลีกรายย่อย และผู้ค้าปลีกรายใหญ่ รวมทั้งจะเสนอให้ภาครัฐ พิจารณาลดภาษีนิติบุคคลและภาษีที่เกี่ยวข้องในระบบอุตสาหกรรม กระตุ้นการลงทุน
นายสันติ กล่าวถึงการที่กลุ่มเสื้อแดงเดินหน้าประท้วง และยื่นข้อเรียกร้องรัฐบาล ว่า ภาคเอกชนเห็นว่าตามที่นายกรัฐมนตรีเตรียมนำคณะไปโรดโชว์ประเทศต่างๆ ถือว่ารัฐบาลเดินถูกทางแล้ว จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันประคับประคองให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไป และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีคงไม่ยุบสภา เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่น น่าจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเร็ว