“ไตรรงค์” ย้ำไม่หั่นงบโครงการถนนไร้ฝุ่น แต่ไม่ควรใช้เงินกู้ พ.ร.บ. 4 แสนล้าน เพราะผิดวัตถุประสงค์ ในการแก้ปัญหา ศก. แนะ “ซาเล้ง-ปู่จิ้น” ให้ใจเย็นรอใช้งบปกติ เพราะเป็นมาตรการที่ดูแลทางสังคม เพื่อป้องกันไม่ให้คนต้องโดนฝุ่นเข้าปาก เข้าปอดจนเป็นโรคหลอดลมอักเสบ ย้ำการใช้เงินกู้ 4 แสนล้าน ควรเป็นเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ อาทิ ระบบชลประทาน รถไฟรางคู่ แลนด์บริดจ์ “สุเทพ” แนะต้องเข้าใจพรรคร่วม
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวถึงปัญหาโครงการถนนไร้ฝุ่นในโครงการไทยเข้มแข็ง โดยยืนยันว่าตนเองไม่มีแนวความคิดที่จะปรับลดงบประมาณโครงการนี้ เพียงแต่เห็นว่า เงินที่จะมาทำโครงการนี้ควรมาจากงบประมาณแบบปกติไม่ใช่มาจากเงินกู้ระยะยาว เพราะการกู้เงินภายใต้ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน ควรนำไปใช้ในโครงการใหญ่ๆ เช่น การจัดระบบชลประทาน รถไฟรางคู่ หรือแลนด์บริดจ์ มากกว่า
“โครงการถนนไร้ฝุ่นนั้นเราคำนวณผลไม่ได้ในทางเศรษฐกิจ และไม่ใช่โครงการสำหรับแก้ปัญหาเศษฐกิจ แต่เป็นการดูแลทางสังคมเพื่อไม่ให้คนต้องโดนฝุ่นเข้าปาก เข้าปอดจนเป็นโรคหลอดลมอักเสบ เป็นโรคปอด” รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจกล่าว และเสริมว่า
“ในปี 51-52 เศรษฐกิจตกต่ำ พวกเราก็แก้ไขปัญหาระยะสั้นตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่ใช้กันทั้งโลก ซึ่งโครงการถนนปลอดฝุ่นมีความจำเป็นในขณะนั้น สามารถที่จะใช้เงินกู้ได้ แต่ต้องทำให้เสร็จภายใน 1 ปี และทำให้ทั่วทุกตำบล แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว การจะกู้เงินตาม พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านเพื่อเอามาใช้จ่ายแบบนั้นมันไม่ได้ มันผิดหลักเศรษฐศาสตร์”
นายไตรรงค์กล่าวว่า สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้ทำวิจัยการปรับปรุงถนนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่ถนนไร้ฝุ่น ซึ่งการสร้างถนนในประเทศไทยมีมากเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น การสร้างถนนควรจะมีอัตราเพิ่มที่ต่ำลง เช่นปีนี้เพิ่ม 10% ปีหน้าเพิ่ม 9% เพราะโครงการส่วนอื่นที่ยังขาดแคลนหรือต้องการการปรับปรุง เช่น รถไฟรางคู่ ระบบชลประทาน ควรจะมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
“ไม่มีนัยทางการเมืองอะไร ผมรักกับทุกคน ใครตั้งใจทำอะไรผมก็สนับสนุน” นายไตรรงค์กล่าว
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ไม่พอใจนายไตรรงค์ว่า การจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้พัฒนาประเทศคงต้องเป็นไปตามความเหมาะสม เชื่อว่านายไตรรงค์จะเข้าใจการทำงานในรัฐบาลผสม เวลาจะทำอะไรต้องปรึกษาหารือกัน ซึ่งข่าวที่ออกมาอาจดูหวือหวาไปหน่อย คิดว่า หากจะปรับเพิ่มหรือลดงบประมาณคงต้องปรึกษากันก่อน
นายสุเทพยังเชื่อว่า เรื่องนี้คงไม่เกิดปัญหาการทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล จนถึงขั้นทำให้เกิดการย้ายขั้วไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย เพราะเชื่อว่ายังอยู่ในวิสัยที่พูดคุยกันได้ตลอดเวลา
“ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล ยังไม่เห็นว่ายังเป็นปัญหา หน้าที่ในการพูดคุยกับพรรคร่วมตนจะทำต่อไป เพราะเรามีหน้าที่ดูแลประเทศไทย ดูแลแผ่นดินและรักษาสถาบัน ให้ราบรื่น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่การทำงานร่วม หากมีเรื่องจุกจิกเล็กน้อยบ้างก็ไม่ถือสากัน เมื่อมีการพูดคุยกันแล้วทุกฝ่ายควรที่จะมีการยอมรับในความคิดเห็นของแต่ละคน แต่สุดท้ายต้องมีข้อสรุปที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน” นายสุเทพ กล่าวสรุป