“พาณิชย์” ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงระบายข้าว สมัย “ไชยา” แล้ว หวังตอบข้อซักถามสังคม ทั้งราคาที่ขาย ระยะเวลาที่อนุมัติ และเหตุใดรัฐจึงขาดทุนมโหฬาร เตรียมประชุมนัดแรก 8 ม.ค.นี้
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 มกราคม 2552 คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ที่มีตนเป็นประธาน จะประชุมเป็นครั้งแรก หลังจากที่ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง เพื่อตรวจสอบการระบายข้าวที่ นายไชยา สะสมทรัพย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ได้เซ็นอนุมัติ เพราะมีคำถามเกิดขึ้นมาก ทั้งราคาจำหน่าย ระยะเวลาการจำหน่าย
“ปลัดฯ ได้แต่งตั้งให้เป็นประธาน และขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจนว่า ทำไมต้องระบายข้าวในราคานี้ หรือทำไมต้องระบายในช่วงเวลานี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สังคมสงสัยและคาดเดา โดยจะหาข้อเท็จจริง ส่วนผลจะเป็นอย่างไร จะนำเสนอให้ปลัดฯ พิจารณาต่อไป” นางศรีรัตน์ กล่าว
ส่วนโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/2552 มีรายงานความผิดปกติการรับจำนำบ้าง ซึ่งกรมการค้าภายใน และองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแล้ว ส่วนกระแสข่าว ว่า มีข้าวจากประเทศกัมพูชา เข้ามาสวมสิทธิแทนข้าวไทย ในโกดังที่ จ.พิจิตร นั้น ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเข้ามา อย่างไรก็ตาม หากพบความผิดปกติจะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เบื้องต้นเห็นว่า การรับจำนำข้าวไม่น่าจะมีปัญหามาก เนื่องจากราคารับจำนำกับราคาตลาดไม่ได้ห่างกันมาก
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริง จะมุ่งไปยังประเด็นที่ว่าการขายข้าวทำให้รัฐบาลขาดทุนเป็นจำนวนมากจริงหรือไม่ ซึ่งจากการประเมินการขายทั้ง 2 ครั้ง น่าจะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยในครั้งแรกเป็นการขายข้าวที่รับจำนำเข้ามาต้นทุนต่ำ และยังอนุมัติขายในราคาต้นทุนที่รับจำนำเข้ามา แทนที่จะขายในราคาตลาด ทำให้รัฐบาลขาดทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท และครั้งที่ 2 ขายข้าวที่มีต้นทุนรับจำนำสูง ในราคาตลาด ซึ่งขณะนั้นมีราคาต่ำ ทำให้รัฐบาลขาดทุนอีก 1 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน จะตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการประมูลครั้งที่ 2 ที่มีการเร่งรีบผิดปกติ เพราะเปิดให้ยื่นซองวันที่ 28 พ.ย.วันที่ 29-30 พ.ย.เป็นวันเสาร์-อาทิตย์ แต่พอวันจันทร์ที่ 1 ธ.ค.นายไชยา ก็เซ็นอนุมัติขาย ทั้งๆ ที่ผลการพิจารณาต่อรองยังไม่แล้วเสร็จ เพราะต้องเซ็นก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนในวันที่ 2 ธ.ค.และยังมีข้อโต้แย้งจากผู้เข้าร่วมประมูลด้วยว่า เป็นผู้เสนอราคาสูง แต่ไม่ได้รับการเรียกต่อรองใดๆ
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 มกราคม 2552 คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ที่มีตนเป็นประธาน จะประชุมเป็นครั้งแรก หลังจากที่ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง เพื่อตรวจสอบการระบายข้าวที่ นายไชยา สะสมทรัพย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ได้เซ็นอนุมัติ เพราะมีคำถามเกิดขึ้นมาก ทั้งราคาจำหน่าย ระยะเวลาการจำหน่าย
“ปลัดฯ ได้แต่งตั้งให้เป็นประธาน และขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจนว่า ทำไมต้องระบายข้าวในราคานี้ หรือทำไมต้องระบายในช่วงเวลานี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สังคมสงสัยและคาดเดา โดยจะหาข้อเท็จจริง ส่วนผลจะเป็นอย่างไร จะนำเสนอให้ปลัดฯ พิจารณาต่อไป” นางศรีรัตน์ กล่าว
ส่วนโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/2552 มีรายงานความผิดปกติการรับจำนำบ้าง ซึ่งกรมการค้าภายใน และองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแล้ว ส่วนกระแสข่าว ว่า มีข้าวจากประเทศกัมพูชา เข้ามาสวมสิทธิแทนข้าวไทย ในโกดังที่ จ.พิจิตร นั้น ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเข้ามา อย่างไรก็ตาม หากพบความผิดปกติจะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เบื้องต้นเห็นว่า การรับจำนำข้าวไม่น่าจะมีปัญหามาก เนื่องจากราคารับจำนำกับราคาตลาดไม่ได้ห่างกันมาก
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริง จะมุ่งไปยังประเด็นที่ว่าการขายข้าวทำให้รัฐบาลขาดทุนเป็นจำนวนมากจริงหรือไม่ ซึ่งจากการประเมินการขายทั้ง 2 ครั้ง น่าจะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยในครั้งแรกเป็นการขายข้าวที่รับจำนำเข้ามาต้นทุนต่ำ และยังอนุมัติขายในราคาต้นทุนที่รับจำนำเข้ามา แทนที่จะขายในราคาตลาด ทำให้รัฐบาลขาดทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท และครั้งที่ 2 ขายข้าวที่มีต้นทุนรับจำนำสูง ในราคาตลาด ซึ่งขณะนั้นมีราคาต่ำ ทำให้รัฐบาลขาดทุนอีก 1 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน จะตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการประมูลครั้งที่ 2 ที่มีการเร่งรีบผิดปกติ เพราะเปิดให้ยื่นซองวันที่ 28 พ.ย.วันที่ 29-30 พ.ย.เป็นวันเสาร์-อาทิตย์ แต่พอวันจันทร์ที่ 1 ธ.ค.นายไชยา ก็เซ็นอนุมัติขาย ทั้งๆ ที่ผลการพิจารณาต่อรองยังไม่แล้วเสร็จ เพราะต้องเซ็นก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนในวันที่ 2 ธ.ค.และยังมีข้อโต้แย้งจากผู้เข้าร่วมประมูลด้วยว่า เป็นผู้เสนอราคาสูง แต่ไม่ได้รับการเรียกต่อรองใดๆ
