ไฮเออร์ มั่นใจศักยภาพไทย แม้ปีหน้าดูแย่ เหตุบริษัทฯยังเล็ก การเติบโตยังไปได้อีก เดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตแอร์ 100% หัวหอกใหม่ทะลวงตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เชื่อคว้าแชร์ได้ 4-5%ในปีแรก ส่วนตู้เย็น มั่นใจปีหน้ากอดส่วนแบ่งตลาดเพิ่มได้ 15% ฝันทั้งปีโตพรวดอีก50%
นายทวีศักดิ์ เกรียงไกรเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า หลังจากเปิดตัวสินค้าแบรนด์ไฮเออร์ โดยวางโพซิชั่นนิ่งเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มพรีเมี่ยมแบรนด์ เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าผู้บริโภครู้จักแบรนด์มากยิ่งขึ้น โดย 9 เดือนที่ผ่านมายอดขายรวมเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่ในแง่ของสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยมแล้ว มองว่ายังไม่ค่อยดี โดยเฉพาะในแง่การจำหน่าย ส่วนหนึ่งมาจากสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น บวกกับไฮเออร์ถือเป็นผู้เล่นใหม่
อย่างไรก็ตามในปีหน้า บริษัทฯวางงบการตลาดใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 20% ของยอดขายในประเทศ หรือประมาณ 120 ล้านบาท มุ่งทำตลาดยังกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มตู้เย็น ซึ่งถือเป็นหัวหอกในการสร้างรายได้แล้ว จะมีการเปิดตัวตู้เย็นอีกหลายรุ่น เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ในขนาดไซส์เล็ก เหมาะกับที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียม หรือครอบครัวที่มีขนาดเล็กลง โดยจะใช้คัลเลอร์มาร์เก็ตติ้ง เข้าช่วยอีกทางหนึ่ง มั่นใจว่าจากเดิมในปีนี้ที่ตู้เย็นแบรนด์ไฮเออร์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 13% ปีหน้าจะเพิ่มเป็น 15% ของตลาดตู้เย็นรวมได้
นอกจากนี้จากการที่บริษัทฯได้จัดสรรงบประมาณอีกไม่ต่ำกว่า 100 กว่าล้านบาท สำหรับเพิ่มไลน์การผลิตเครื่องปรับอากาศเพิ่ม 100% เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกในเซาท์อีสเอเชีย ที่โรงงานการผลิต อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี จากเดิมมีทั้งการนำเข้าและผลิตจำหน่ายในประเทศบางส่วน จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะจะช่วยดันรายได้ให้เติบโตได้
ทั้งนี้ปีหน้าบริษัทฯจะโฟกัสทำตลาดเครื่องปรับอากาศมากขึ้น โดยจะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ครอบคลุมทั้งตลาดตั้งแต่ระดับแมส ที่เป็นโมเดลไฟท์ติ้งแบรนด์ ระดับกลาง และพรีเมี่ยม จำนวนไม่ต่ำกว่า 10 รุ่น เชื่อว่าปีแรกนี้จะทำให้เครื่องปรับอากาศแบรนด์ไฮเออร์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดได้ประมาณ 4-5% จากมูลค่าตลาดเครื่องปรับอากาศรวม
ปัจจุบันสินค้าทั้งหมดที่วางจำหน่าย มีเพียง 10% ที่จัดอยู่ในระดับพรีเมี่ยม และกว่า 90% ยังเป็นระดับแมส คาดว่า จากการสร้างแบรนด์สู่ความเป็นพรีเมี่ยมครั้งนี้ สัดส่วนรายได้กว่า 60% จะยังคงมาจากต่างจังหวัด เท่ากับปีก่อน และ 40% มาจากกรุงเทพฯ
นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่บริษัทฯยังเดินหน้าทำตลาด และมุ่งเปิดตัวสินค้าใหม่ เนื่องจากบริษัทฯยังเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ขณะเดียวกับไฮเออร์ในประเทศไทย ยังถือเป็นบริษัทฯที่มีขนาดเล็กอยู่ ยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก ซึ่งมองว่าจากการที่บริษัทฯมีฐานการผลิตในประเทศไทยด้วยแล้ว จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะมาช่วยทำการแข่งขันในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้านี้ได้เป็นอย่างดี หรือในปีหน้ามั่นใจว่า ไฮเออร์จะมีการเติบโตของรายได้ในประเทศได้อีกกว่า 40-50% จากปัจจุบันในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้กว่า กว่า 7,500 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 20% แบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็นส่งออก70%และจำหน่ายในประเทศอีก 30%
นายทวีศักดิ์ เกรียงไกรเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า หลังจากเปิดตัวสินค้าแบรนด์ไฮเออร์ โดยวางโพซิชั่นนิ่งเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มพรีเมี่ยมแบรนด์ เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าผู้บริโภครู้จักแบรนด์มากยิ่งขึ้น โดย 9 เดือนที่ผ่านมายอดขายรวมเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่ในแง่ของสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยมแล้ว มองว่ายังไม่ค่อยดี โดยเฉพาะในแง่การจำหน่าย ส่วนหนึ่งมาจากสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น บวกกับไฮเออร์ถือเป็นผู้เล่นใหม่
อย่างไรก็ตามในปีหน้า บริษัทฯวางงบการตลาดใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 20% ของยอดขายในประเทศ หรือประมาณ 120 ล้านบาท มุ่งทำตลาดยังกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มตู้เย็น ซึ่งถือเป็นหัวหอกในการสร้างรายได้แล้ว จะมีการเปิดตัวตู้เย็นอีกหลายรุ่น เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ในขนาดไซส์เล็ก เหมาะกับที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียม หรือครอบครัวที่มีขนาดเล็กลง โดยจะใช้คัลเลอร์มาร์เก็ตติ้ง เข้าช่วยอีกทางหนึ่ง มั่นใจว่าจากเดิมในปีนี้ที่ตู้เย็นแบรนด์ไฮเออร์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 13% ปีหน้าจะเพิ่มเป็น 15% ของตลาดตู้เย็นรวมได้
นอกจากนี้จากการที่บริษัทฯได้จัดสรรงบประมาณอีกไม่ต่ำกว่า 100 กว่าล้านบาท สำหรับเพิ่มไลน์การผลิตเครื่องปรับอากาศเพิ่ม 100% เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกในเซาท์อีสเอเชีย ที่โรงงานการผลิต อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี จากเดิมมีทั้งการนำเข้าและผลิตจำหน่ายในประเทศบางส่วน จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะจะช่วยดันรายได้ให้เติบโตได้
ทั้งนี้ปีหน้าบริษัทฯจะโฟกัสทำตลาดเครื่องปรับอากาศมากขึ้น โดยจะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ครอบคลุมทั้งตลาดตั้งแต่ระดับแมส ที่เป็นโมเดลไฟท์ติ้งแบรนด์ ระดับกลาง และพรีเมี่ยม จำนวนไม่ต่ำกว่า 10 รุ่น เชื่อว่าปีแรกนี้จะทำให้เครื่องปรับอากาศแบรนด์ไฮเออร์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดได้ประมาณ 4-5% จากมูลค่าตลาดเครื่องปรับอากาศรวม
ปัจจุบันสินค้าทั้งหมดที่วางจำหน่าย มีเพียง 10% ที่จัดอยู่ในระดับพรีเมี่ยม และกว่า 90% ยังเป็นระดับแมส คาดว่า จากการสร้างแบรนด์สู่ความเป็นพรีเมี่ยมครั้งนี้ สัดส่วนรายได้กว่า 60% จะยังคงมาจากต่างจังหวัด เท่ากับปีก่อน และ 40% มาจากกรุงเทพฯ
นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่บริษัทฯยังเดินหน้าทำตลาด และมุ่งเปิดตัวสินค้าใหม่ เนื่องจากบริษัทฯยังเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ขณะเดียวกับไฮเออร์ในประเทศไทย ยังถือเป็นบริษัทฯที่มีขนาดเล็กอยู่ ยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก ซึ่งมองว่าจากการที่บริษัทฯมีฐานการผลิตในประเทศไทยด้วยแล้ว จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะมาช่วยทำการแข่งขันในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้านี้ได้เป็นอย่างดี หรือในปีหน้ามั่นใจว่า ไฮเออร์จะมีการเติบโตของรายได้ในประเทศได้อีกกว่า 40-50% จากปัจจุบันในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้กว่า กว่า 7,500 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 20% แบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็นส่งออก70%และจำหน่ายในประเทศอีก 30%
