ไฮเออร์ กางแผนกรำศึกปีวัวดุ มุ่งบีโลว์เดอะไลน์ ชูแอร์หัวหอกใหม่ กระทุ้งตลาด หลังทุ่ม 170 ล้านบาท เพิ่มโรงงานการผลิตปีก่อน ย้ำ ปีนี้เน้นสร้างยอดขายคู่ดีลเลอร์ มากกว่าสร้างแบรนด์ เหตุเศรษฐกิจสั่นคลอน ส่งออกสะดุด อัดฉีดงบตลาดรวมกว่า 100 ล้านบาท หวังคานรายได้เท่าปีก่อนที่ 7,500 ล้านบาท
นายทวีศักดิ์ เกรียงไกรเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเออร์ อิเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศจีน ภายใต้แบรนด์ “ไฮเออร์” เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดของไฮเออร์ในปีนี้ ทางบริษัทได้เตรียมงบการตลาดรวมกว่า 100-120 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน สำหรับการทำตลาดให้กับกลุ่มสินค้าที่วางจำหน่าย โดยกลยุทธ์การตลาดที่จะใช้ในปีนี้ จะมุ่งเน้นทางด้านของบีโลว์เดอะไลน์ เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการจัดโรดโชว์ หรือการเข้าไปเน้นการขายกับร้านค้าดีลเลอร์ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภค และเป็นการกระตุ้นยอดขายให้มากที่สุด
โดยในปีนี้การสร้างแบรนด์นั้นจะให้ความสำคัญลดลง เน้นเรื่องยอดขายเป็นหลัก เพราะมองว่าเศรษฐกิจไม่ดี ยอดขายเป็นสิ่งสำคัญ ภายใต้งบการตลาดที่ใช้อย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายในประเทศจะมีการเติบโตสูงขึ้นอีก 40-50% ทดแทนรายได้ในส่วนของการส่งออก ที่มองว่าจะเริ่มกระทบเข้ามาบ้าง โดยรายได้หลักมาจากตู้เย็น 50% เครื่องซักผ้า 25% และเครื่องปรับอากาศอีก 25% หรือทั้งปีเชื่อมั่นว่า จะรักษาผลประกอบการทั้งหมดได้ที่ 7,500 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยแบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็นส่งออกอยู่ที่ 70% และในประเทศ 30%
ทั้งนี้ หลังจากที่ในปีก่อน บริษัทได้ลงทุน 170 ล้านบาท ในโรงงานการผลิตเครื่องปรับอากาศ ณ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี สำหรับการเปิดตัวไลน์เครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มเครื่องปรับอากาศใหม่ ที่จะทำการตลาดในปีนี้ เบื้องต้นบริษัทฯได้เปิดตัวทั้งหมด 12 รุ่น ครอบคลุมทั้งตลาดล่าง กลาง และบน เชื่อว่า ในปีแรกจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 7% จากมูลค่าความต้องการเครื่องปรับอากาศในปีนี้ 6 แสนเครื่อง โดยเป็นความต้องการที่ทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเพิ่มไลน์เครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มเอชเอ หรือหมวดภาพและเสียงด้วย ในช่วงไตรมาส 1 นี้ โดยจะเป็นการนำเข้าแอลซีดี ทีวี ในลักษณะทดลองตลาด หรือเพื่อให้สินค้าที่วางจำหน่ายในร้านดีลเลอร์ดูครบไลน์มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีตั้งแต่ขนาด 32 นิ้ว ขึ้นไป กับเทคโนโลยีระดับเอชดี ส่วนราคาในการจำหน่ายนั้น ยังต้องพิจารณาอีกครั้ง ขอดูสถานการณ์ราคาในตลาดก่อน
สำหรับจำนวนตัวแทนจำหน่ายของไฮเออร์นั้น ขณะนี้มีกว่า 70-80 ร้านทั่วประเทศ ทางบริษัทฯตั้งเป้าเปิดให้ได้อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง หรือในปีนี้คาดว่าจะมีได้ถึง 100 แห่งทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ในส่วนการผลิตตู้เย็น ทางบริษัทได้ลงทุนเพิ่มอีก 100 ล้านบาท ในการพัฒนารุ่นใหม่ออกสู่ตลาด โดยเชื่อว่า ปีนี้ จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 15% ของตลาดรวม จากเดิมปีก่อนมีส่วนแบ่งประมาณ 11-12% ขณะที่กลุ่มเครื่องซักผ้า บริษัทได้เพิ่มงบอีก 80 ล้านบาท สำหรับพัฒนารุ่นใหม่ออกมาเช่นเดียวกัน โดยตั้งเป้าไว้ว่า ปีนี้จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นตัวเลข 2 หลัก จากเดิมในปีก่อนทำได้ที่ 6-7
นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่อาจจะไม่ดีในปีนี้ ในแง่ของการแข่งขันในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เชื่อว่า จะรุนแรง แต่ภาพรวมแล้ว คาดว่า จะมีมูลค่าใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่ไฮเออร์ มองว่า การที่บริษัทมีฐานการผลิตในประเทศ จะเป็นปัจจัยสำคัญให้ยอดขายเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวิจัยทางการตลาด เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า การเลือกวัตถุดิบในราคาที่ต่ำลง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้ รวมถึงการมีฐานการผลิตเองแบบนี้ ยังจะส่งผลให้เรื่องของการบริการหลังการขายสะดวกขึ้นเช่นเดียวกัน
นายทวีศักดิ์ เกรียงไกรเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเออร์ อิเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศจีน ภายใต้แบรนด์ “ไฮเออร์” เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดของไฮเออร์ในปีนี้ ทางบริษัทได้เตรียมงบการตลาดรวมกว่า 100-120 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน สำหรับการทำตลาดให้กับกลุ่มสินค้าที่วางจำหน่าย โดยกลยุทธ์การตลาดที่จะใช้ในปีนี้ จะมุ่งเน้นทางด้านของบีโลว์เดอะไลน์ เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการจัดโรดโชว์ หรือการเข้าไปเน้นการขายกับร้านค้าดีลเลอร์ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภค และเป็นการกระตุ้นยอดขายให้มากที่สุด
โดยในปีนี้การสร้างแบรนด์นั้นจะให้ความสำคัญลดลง เน้นเรื่องยอดขายเป็นหลัก เพราะมองว่าเศรษฐกิจไม่ดี ยอดขายเป็นสิ่งสำคัญ ภายใต้งบการตลาดที่ใช้อย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายในประเทศจะมีการเติบโตสูงขึ้นอีก 40-50% ทดแทนรายได้ในส่วนของการส่งออก ที่มองว่าจะเริ่มกระทบเข้ามาบ้าง โดยรายได้หลักมาจากตู้เย็น 50% เครื่องซักผ้า 25% และเครื่องปรับอากาศอีก 25% หรือทั้งปีเชื่อมั่นว่า จะรักษาผลประกอบการทั้งหมดได้ที่ 7,500 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยแบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็นส่งออกอยู่ที่ 70% และในประเทศ 30%
ทั้งนี้ หลังจากที่ในปีก่อน บริษัทได้ลงทุน 170 ล้านบาท ในโรงงานการผลิตเครื่องปรับอากาศ ณ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี สำหรับการเปิดตัวไลน์เครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มเครื่องปรับอากาศใหม่ ที่จะทำการตลาดในปีนี้ เบื้องต้นบริษัทฯได้เปิดตัวทั้งหมด 12 รุ่น ครอบคลุมทั้งตลาดล่าง กลาง และบน เชื่อว่า ในปีแรกจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 7% จากมูลค่าความต้องการเครื่องปรับอากาศในปีนี้ 6 แสนเครื่อง โดยเป็นความต้องการที่ทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเพิ่มไลน์เครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มเอชเอ หรือหมวดภาพและเสียงด้วย ในช่วงไตรมาส 1 นี้ โดยจะเป็นการนำเข้าแอลซีดี ทีวี ในลักษณะทดลองตลาด หรือเพื่อให้สินค้าที่วางจำหน่ายในร้านดีลเลอร์ดูครบไลน์มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีตั้งแต่ขนาด 32 นิ้ว ขึ้นไป กับเทคโนโลยีระดับเอชดี ส่วนราคาในการจำหน่ายนั้น ยังต้องพิจารณาอีกครั้ง ขอดูสถานการณ์ราคาในตลาดก่อน
สำหรับจำนวนตัวแทนจำหน่ายของไฮเออร์นั้น ขณะนี้มีกว่า 70-80 ร้านทั่วประเทศ ทางบริษัทฯตั้งเป้าเปิดให้ได้อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง หรือในปีนี้คาดว่าจะมีได้ถึง 100 แห่งทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ในส่วนการผลิตตู้เย็น ทางบริษัทได้ลงทุนเพิ่มอีก 100 ล้านบาท ในการพัฒนารุ่นใหม่ออกสู่ตลาด โดยเชื่อว่า ปีนี้ จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 15% ของตลาดรวม จากเดิมปีก่อนมีส่วนแบ่งประมาณ 11-12% ขณะที่กลุ่มเครื่องซักผ้า บริษัทได้เพิ่มงบอีก 80 ล้านบาท สำหรับพัฒนารุ่นใหม่ออกมาเช่นเดียวกัน โดยตั้งเป้าไว้ว่า ปีนี้จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นตัวเลข 2 หลัก จากเดิมในปีก่อนทำได้ที่ 6-7
นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่อาจจะไม่ดีในปีนี้ ในแง่ของการแข่งขันในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เชื่อว่า จะรุนแรง แต่ภาพรวมแล้ว คาดว่า จะมีมูลค่าใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่ไฮเออร์ มองว่า การที่บริษัทมีฐานการผลิตในประเทศ จะเป็นปัจจัยสำคัญให้ยอดขายเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวิจัยทางการตลาด เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า การเลือกวัตถุดิบในราคาที่ต่ำลง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้ รวมถึงการมีฐานการผลิตเองแบบนี้ ยังจะส่งผลให้เรื่องของการบริการหลังการขายสะดวกขึ้นเช่นเดียวกัน