xs
xsm
sm
md
lg

แอลจีชูแผนฝ่าวิกฤต ดันปีหน้ายอดขายโต 16%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แอลจีฝันขึ้นแท่นที่ 3 ของโลกกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนเป้าหมายในเอเชียอีก 2 ปี กวาด 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ยันไม่ลดพนักงาน-กำลังผลิต เผยยอดขายในไทยปีนี้ 14,500 ล้านบาท โต 12% คาดปีหน้าโต 14%

นายวูดดี้ นัม ประธานกรรมกรบริหาร แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า ในช่วงเศรษฐกิจขาลงขณะนี้ ทุกประเทศทุกบริษัทรับผลกระทบไม่เหมือนกัน รวมไปถึงผู้บริโภคก็เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อจากสินค้าพรีเมียมมาเป็นสินค้าคุณภาพดีราคาสมเหตุสมผล โดยตลาดอเมริกา และยุโรป ปัจจุบันความต้องการอาจจะลดลงมากเมื่อเทียบกับเอเซีย

ส่วน แอลจี ภูมิภาคเอเชียยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก ยังไม่มีนโยบายลดกำลังผลิต หรือลดพนักงาน นโยบายแอลจีจะต้องพัฒนาสินค้าต่อเนื่อง บริหารการเงินทุนหมุนเวียนให้ดี บริหารสต็อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น แต่ยังทุ่มงบพัฒนาและวิจัย โฟกัสกลุ่มเป้าหมายชัดเจนทั้งกลุ่มต้องการราคา กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มพรีเมียม ที่ผ่านมาแอลจีให้ความสำคัญกับตลาดไทย เพราะเป็นพื้นที่เป้าหมายที่สำคัญ

ทั้งนี้ เป้าหมายในปี 2010 หรืออีก 2 ปีจากนี้ รายได้รวมของเอเชีย รวมออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย (ยกเว้นจีน ตะวันออกกลาง) จะเป็น 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่ท้ายอยู่ที่ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะขึ้นเป็น แบรนด์ท็อปทรีของเครื่องใช้ไฟฟ้าของโลก

นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แผนตลาดปีหน้า จะเน้น 4 ส่วนหลัก คือ 1.การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยงบ 5% จากยอดขายรวม เช่น การเป็นสปอนเซอร์ของการแข่งรถสูตร 1 ระยะเวลา 5 ปีเริ่มปี 2552 เป็นต้น 2. การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง 3.การตลาดและช่องทางการจำหน่าย 4.การบริการหลังการขาย เช่น ซ่อมมือถือ 1 ชั่วโมง ล้างแอร์ฟรี

ผลประกอบการปี 2551 มียอดขายรวม 14,500 ล้านบาทเติบโต 12% โดยส่วนแบ่งทางการตลาดปี 2551 แบ่งเป็น เครื่องซักผ้า 25% เครื่องปรับอากาศ 10% ตู้เย็น 25% แอลซีดีทีวี 12% ทีวีพลาสม่า 33% เครื่องเสียง 11% และ โทรศัพท์มือถือ 5% และในส่วนของสินค้าพรีเมียมแบ่งเป็น เครื่องซักผ้าฝาหน้า 15% โทรทัศน์ Full HD แอลซีดีทีวี 13% และโทรศัพท์มือถือไฮเอนด์ 12%

สำหรับปี 2552 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 16,500 ล้านบาท เติบโต 14% คาดว่าส่วนแบ่งตลาดสินค้าแต่ละกลุ่มจะมีแชร์ดังนี้ เครื่องซักผ้า 27% เครื่องปรับอากาศ 15% ตู้เย็น 35% แอลซีดีทีวี 20% ทีวีพลาสม่า 35% เครื่องเสียง 13% และ โทรศัพท์มือถือ 10% และในส่วนของสินค้าพรีเมียมจะเพิ่มเป็น เครื่องซักผ้าฝาหน้า 20% โทรทัศน์ Full HD แอลซีดีทีวี 25% และโทรศัพท์มือถือไฮเอนด์ 15%

บริษัทจะเน้นสร้างกลุ่มตลาดของโทรทัศน์ Full HD แอลซีดีทีวี โดยการสร้างตลาดกลุ่มเครื่องที่ 2 และจะลดการทำกิจกรรมการตลาดกับเครื่องซักผ้าแบบ 2 ถัง เนื่องมาจากผู้บริโภคลดความนิยมลง โดยจะเพิ่มการทำกิจกรรมทางการตลาดในเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังจะเพิ่มสินค้าระดับพรีเมียม โดยการแบ่งการทำตลาดในแต่ละช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างชัดเจน

ในส่วนเครื่องปรับอากาศบริษัทจะชูเรื่องของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสุขภาพและเทคโนโลยีแบบ Inverter และเครื่องปรับอากาศในเชิงพาณิชย์ ส่วนโทรศัพท์มือถือจะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อรุกตลาดออกสู่ตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น โดยการเพิ่มจุดขายปลีกทั่วประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น