“แอลจี” มองการตัดสินคดีอดีตนายกฯทักษิณ เป็นเรื่องดี เดินหน้าฝ่าพิษเศรษฐกิจเผาจริง ในปี 52 ปรับกลยุทธ์จัดกลุ่มผู้บริโภคออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ เน้นสินค้าดี ราคาถูกโฟกัสมือถือ และแอร์พาณิชย์ มากขึ้น มุ่งหาตลาดส่งออกใหม่ๆ สวนพิษเศรษฐกิจโลก
นายเฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการตัดสินคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี คือ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกพิพากษาจำคุก 2 ปีในข้อหาคอร์รัปชัน มองว่า เป็นเรื่องบวก ที่จะทำให้บ้านเมืองดำเนินไปได้ด้วยดีในอนาคต ถึงแม้ว่าในปีหน้าหลายฝ่ายจะออกมากล่าวกัน ว่า เป็นปีที่สภาพเศรษฐกิจค่อนข้างแย่กว่าปีนี้ก็ตาม อันเนื่องจากผลกระทบที่มาจากสภาพเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ แอลจี ในปี 2551 ที่ผ่านมา ได้มีการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เข้าในกับสภาพตลาด ความต้องการรวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันแอลจี แบ่งรายได้มาจากกลุ่มผู้บริโภคที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1.แม็กซีไมซ์ 40% คือกลุ่มที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ราคาไม่แพง ฟังก์ชันการทำงานทั่วๆ ไป 2.กลุ่มเทรนดี้ 30% และ3.กลุ่มผู้บริโภคระดับสูง 30% ซึ่งแต่ละกลุ่ม บริษัทจะต้องมีการวางแผนการทำตลาดแตกต่างกันออกไป
แต่ในปีหน้าจะมุ่งเน้นกลุ่มสินค้าสำหรับกลุ่มแม็กซีไมซ์ จะมีการนำเสนอสินค้าที่ดี มีฟังก์ชันการทำงานในระดับทั่วไป แต่ประหยัดไฟและพลังงาน ซึ่งมองว่าปีหน้าเทรนด์สินค้าลักษณะดังกล่าวจะมาแรงมาก ขณะเดียวกัน จะโฟกัสสินค้าระดับพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น เพราะถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่ดีอยู่
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาแอลจีมีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดยมาจาก 4 ผลิตภัณฑ์หลัก คือ 1.เครื่องปรับอากาศ 2.เครื่องซักผ้า 3.มือถือ และ 4.แอลซีดี ทีวี อย่างไรก็ตาม จากการทำสำรวจพบว่า การสร้างแบรนด์ของแอลจี ถือว่าดีขึ้น แต่ในแง่ของการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าแล้ว แอลจี กลับถูกเลือกซื้อต่ำอยู่ เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ
โดยเฉพาะในหมวดสินค้ากลุ่มมือถือ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะจำหน่ายได้เพียง 5 แสนเครื่อง มีแชร์ในตลาดมือถือเพียง 5% จากมูลค่าตลาดประมาณ 8-9 ล้านเครื่อง ดังนั้น ปีหน้างบการตลาดกว่า 40% จากงบการตลาดรวม 800 ล้านบาท จะถูกนำมาทำตลาดมือถือมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะกระตุ้นยอดขาย สร้างแบรนด์ หรือต้องมีแชร์เพิ่มขึ้นเป็น 10% หรือจำหน่ายได้อย่างน้อย 1 ล้านเครื่องในปีหน้า
นอกจากนี้ ในส่วนของแอร์พาณิชย์ ถือเป็นอีกไลน์สินค้าหนึ่งที่มียอดขายเป็นที่น่าพอใจ หลังจากเปิดตลาดนี้มากกว่า 2 ปี ปีนี้รับรู้รายได้กว่า 300 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจาก การเจาะเข้ากลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมระดับสูง และจากการย้ายฐานการผลิตจากเกาหลีมาไว้ที่โรงงานในจังหวัด ระยอง เพื่อให้ไทยเป็นฮับในเซาส์อีสเอเชียต่อไป โดยปีหน้าจะรุกดตลาดนี้มากขึ้น หรือต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม มองว่า ปีหน้าผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจโลกน่าจะส่งผลรุนแรง แต่แอลจี เชื่อว่าไทยยังมีศักยภาพที่ดี ดูจากค่าเงินบาทที่ค่อนข้างคงที่ ขณะเดียวกัน การส่งออกยังดีอยู่ ดังนั้นส่วนหนึ่งของนโยบายระดับโกลบอล ปีหน้าแอลจี ไทยแลนด์จะมุ่งเน้นเรื่องของการส่งออกให้มากขึ้น มองหาตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ หรือได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลกเพียงเล็กน้อย เช่น อินเดีย บราซิล รัสเซีย เป็นต้น
นายเฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการตัดสินคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี คือ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกพิพากษาจำคุก 2 ปีในข้อหาคอร์รัปชัน มองว่า เป็นเรื่องบวก ที่จะทำให้บ้านเมืองดำเนินไปได้ด้วยดีในอนาคต ถึงแม้ว่าในปีหน้าหลายฝ่ายจะออกมากล่าวกัน ว่า เป็นปีที่สภาพเศรษฐกิจค่อนข้างแย่กว่าปีนี้ก็ตาม อันเนื่องจากผลกระทบที่มาจากสภาพเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ แอลจี ในปี 2551 ที่ผ่านมา ได้มีการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เข้าในกับสภาพตลาด ความต้องการรวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันแอลจี แบ่งรายได้มาจากกลุ่มผู้บริโภคที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1.แม็กซีไมซ์ 40% คือกลุ่มที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ราคาไม่แพง ฟังก์ชันการทำงานทั่วๆ ไป 2.กลุ่มเทรนดี้ 30% และ3.กลุ่มผู้บริโภคระดับสูง 30% ซึ่งแต่ละกลุ่ม บริษัทจะต้องมีการวางแผนการทำตลาดแตกต่างกันออกไป
แต่ในปีหน้าจะมุ่งเน้นกลุ่มสินค้าสำหรับกลุ่มแม็กซีไมซ์ จะมีการนำเสนอสินค้าที่ดี มีฟังก์ชันการทำงานในระดับทั่วไป แต่ประหยัดไฟและพลังงาน ซึ่งมองว่าปีหน้าเทรนด์สินค้าลักษณะดังกล่าวจะมาแรงมาก ขณะเดียวกัน จะโฟกัสสินค้าระดับพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น เพราะถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่ดีอยู่
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาแอลจีมีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดยมาจาก 4 ผลิตภัณฑ์หลัก คือ 1.เครื่องปรับอากาศ 2.เครื่องซักผ้า 3.มือถือ และ 4.แอลซีดี ทีวี อย่างไรก็ตาม จากการทำสำรวจพบว่า การสร้างแบรนด์ของแอลจี ถือว่าดีขึ้น แต่ในแง่ของการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าแล้ว แอลจี กลับถูกเลือกซื้อต่ำอยู่ เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ
โดยเฉพาะในหมวดสินค้ากลุ่มมือถือ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะจำหน่ายได้เพียง 5 แสนเครื่อง มีแชร์ในตลาดมือถือเพียง 5% จากมูลค่าตลาดประมาณ 8-9 ล้านเครื่อง ดังนั้น ปีหน้างบการตลาดกว่า 40% จากงบการตลาดรวม 800 ล้านบาท จะถูกนำมาทำตลาดมือถือมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะกระตุ้นยอดขาย สร้างแบรนด์ หรือต้องมีแชร์เพิ่มขึ้นเป็น 10% หรือจำหน่ายได้อย่างน้อย 1 ล้านเครื่องในปีหน้า
นอกจากนี้ ในส่วนของแอร์พาณิชย์ ถือเป็นอีกไลน์สินค้าหนึ่งที่มียอดขายเป็นที่น่าพอใจ หลังจากเปิดตลาดนี้มากกว่า 2 ปี ปีนี้รับรู้รายได้กว่า 300 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจาก การเจาะเข้ากลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมระดับสูง และจากการย้ายฐานการผลิตจากเกาหลีมาไว้ที่โรงงานในจังหวัด ระยอง เพื่อให้ไทยเป็นฮับในเซาส์อีสเอเชียต่อไป โดยปีหน้าจะรุกดตลาดนี้มากขึ้น หรือต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม มองว่า ปีหน้าผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจโลกน่าจะส่งผลรุนแรง แต่แอลจี เชื่อว่าไทยยังมีศักยภาพที่ดี ดูจากค่าเงินบาทที่ค่อนข้างคงที่ ขณะเดียวกัน การส่งออกยังดีอยู่ ดังนั้นส่วนหนึ่งของนโยบายระดับโกลบอล ปีหน้าแอลจี ไทยแลนด์จะมุ่งเน้นเรื่องของการส่งออกให้มากขึ้น มองหาตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ หรือได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลกเพียงเล็กน้อย เช่น อินเดีย บราซิล รัสเซีย เป็นต้น