ASTVผู้จัดการออนไลน์ - “อภิสิทธิ์” เผยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรักษาอำนาจซื้อคนทุกระดับชั้น เกษตรกร-แรงงาน ดูแลสภาพคล่องธุรกิจ เน้นแทรกแซงราคายางซื้อเก็บใส่สต๊อก ภารกิจแรกเร่งพิจารณาข้อตกลงอาเซียนให้พร้อมเปิดประชุมปลาย ม.ค.-เดินสายคุยกับทูตจีนและสื่อต่างชาติ หวังเป็นเวทีสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวต่างชาติและช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยว
หลังได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 วันนี้ (18 ธันวาคม 2551) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ปฏิบัติภารกิจแรกของวันนี้ด้วยการไปออกรายการจมูกมด ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 โดยได้กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาทางด้านการเมืองในประเทศ
นายอภิสิทธิ์ กล่าววิเคราะห์ว่า ปัญหาเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกนั้นถูกกระทบหลายรอบด้วยกันโดยรอบแรกเกิดจากปัญหาวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ ที่มากระทบสถาบันการเงินในประเทศ ซึ่งส่งผลต่อมายังการปล่อยสินเชื่อ ส่วนรอบที่สองคือ ปัญหาเรื่องการส่งออกที่เกิดจากปัญหาซบเซาของอำนาจซื้อของชาวต่างประเทศ
“แถมพอราคาน้ำมันในตลาดโลกลง ราคาสินค้าเกษตรก็ลง เพราะฉะนั้นจึงกระทบมาถึงเกษตรกร ส่วนปัญหาการเมืองก็มาซ้ำเติมไปในแง่ความเชื่อมั่น ในแง่การท่องเที่ยว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สานต่องบกระตุ้น ศก.แสนล้าน
ในส่วนของแนวนโยบายการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้น นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ประเทศไทยต้องการแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุม โดยหลักสำคัญคือการรักษาไว้ซึ่งอำนาจซื้อของคนในกลุ่มต่างๆ เช่น ราคาพืชผลของเกษตรก็ต้องดีขึ้น ลดจำนวนคนตกงาน และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของภาคการท่องเที่ยวทั้งในหมู่ชาวไทยหรือชาวต่างประเทศ ประคับประคองอำนาจซื้อของประชาชนในภาคอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
“ทั้งหมดนี้ก็จะต้องอาศัยทั้งงบประมาณ ซึ่งรัฐบาลที่แล้วก็มีงบประมาณกลางปีเตรียมไว้แสนล้าน อันนี้ก็จะเดินต่อ รายละเอียดก็จะมีการปรับโครงการบ้าง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว พร้อมระบุว่า รัฐบาลของตนจะมุ่งเน้นการเอาเงินไปเข้ากระเป๋าคนให้เร็วที่สุด และสร้างงานให้มากที่สุด นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจโดยรวมด้วยว่า รัฐจะต้องเข้าไปดูแลเรื่องการปล่อยสินเชื่อเพื่อรักษาสภาพคล่องของผู้ประกอบการ
เตรียมแทรกแซงราคายาง
ในส่วนของการแก้ไขปัญหาราคายางที่ตกต่ำลงอย่างมาในช่วงที่เศรษฐกิจโลกหดตัว อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ตกลงมาและอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังย่ำแย่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แนวทางในการแก้ไขปัญหาของตน คือ การดึงยางในตลาดเข้ามาเก็บในสต็อก ซึ่งกำลังพิจารณาในรายละเอียดอยู่
“หลักของมัน คือ ดึงมาเก็บสต๊อกเพื่อลดปริมาณในตลาด เพื่อช่วยให้ราคาขึ้นมาบ้าง ซึ่งอันนี้เป็นแนวทางที่ทำได้ และกำลังดูในรายละเอียดว่าหน่วยงานไหนจะทำ และใช้งบประมาณเท่าไหร่ จะเป็นในลักษณะการแทรกแซง ไปซื้ออกมาจากตลาดเพื่อช่วยบรรเทาแรงกดดันกับภาวะที่ยางล้นตลาด อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องรอจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะสามารถทำงานและสามารถอนุมัติโครงการได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าวพร้อมยืนยันว่า ปัจจุบันเรื่องยางไม่ใช่แต่เป็นเรื่องของคนใต้อีกต่อไปแล้ว เพราะทางอีสานก็ปลูกเยอะ
เร่งสรุปข้อตกลงอาเซียน พร้อมประชุมปลายเดือน ม.ค.
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า งานแรกหลังการแถลงนโยบายนั้นรัฐบาลจะเร่งเรียกความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติด้วยการพิจารณาข้อตกลงอาเซียน ซึ่งขณะนี้ไทยยังไม่ได้สรุปให้เสร็จสิ้นให้เสร็จในช่วงต้นเดือนมกราคม 2552 หลังเทศกาลปีใหม่ และจะเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนให้ได้ภายในช่วงปลายเดือนมกราคม อย่างไรก็ตามจะกำหนดวันประชุมแน่ชัดเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับประเทศสมาชิกด้วยว่าสะดวกพร้อมกันเมื่อใด
“จะเป็นการเรียกความเชื่อมั่น และเป็นรูปธรรม เพราะถ้าย้อนกลับไปว่า เราเป็นคนที่อยู่ต่างประเทศ เราเห็นภาพตอนที่มีประท้วง มีชุมนุม ตอนที่การชุมนุมสลายมันไม่ค่อยได้เป็นข่าวเท่าไหร่นะ เขาอาจจะไปเห็นมุมไบ เห็นกรีซ แต่เขาก็ไม่รู้ประเทศไทยมันดีขึ้นหรือยัง แต่ถ้าเราจัดเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนได้อันนี้เป็นข่าวอยู่แล้ว เขาก็จะเห็นว่า อ้าว ...ประเทศไทยทุกอย่างปกติแล้วนี่ ผู้นำประเทศต่างๆ มาแล้วนี่”
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การประชุมน่าจะเกิดขึ้นก่อนเดือนมีนาคม 2552 แน่นอน เนื่องจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตนก็ได้ส่งสัญญาณไปให้ชาติสมาชิกชัดเจนแล้ว อีกทั้งเลขาฯ อาเซียน นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ก็เป็นอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และน่าจะสามารถช่วยประสานงานต่างๆ ได้
“ผมคิดว่า ความพร้อมอย่างที่เรียนไว้ คือ ผมจะส่งสัญญาณให้ชัด ในขั้นตอนจากวันนี้ไปก็คือจะเร่งรัดให้มีการแถลงนโยบายก่อนปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอต้นปีเรื่องอาเซียนจะจบ จบในความหมายที่ว่าเราพร้อมแล้วที่จะประชุม แล้วก็มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ประกอบไปด้วยแผนต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของงบประมาณกลางปี ซึ่งก็คงจะเสนอกฎหมายเข้าได้ในการเปิดสมัยสามัญ อันนี้คือตารางเวลาที่ชัด และถ้าเราทำได้ตามแผนอย่างนี้ ผมคิดว่าก็จะเป็นทิศทางที่เราจะเดินไป และน่าจะเรียกความเชื่อมั่นได้”
เตรียมพบทูตจีนวันนี้ ฟื้นท่องเที่ยว
เมื่อถามถึงหนทางในการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวของประเทศ นายอภิสิทธิ์ระบุว่าตนเองเชื่อมั่นว่า ถ้าหากประเทศไทยสามารถเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนได้แล้วความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติน่าจะกลับมา
ขณะเดียวกัน ก็ระบุด้วยว่ารัฐบาลอาจจะมีการพิจารณาเรื่องการลดค่าธรรมเนียมวีซ่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยว โดยเป้าหมายแรกๆ ของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะดึงดูดเข้ามาน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวในเอเชีย โดยเฉพาะจากประเทศจีน
“ผมคิดว่า ตลาดที่จะกลับมาเร็วที่สุดน่าจะเป็นเอเชีย แล้วก็มีความตั้งใจว่ากรณีของจีนน่าจะเป็นกรณีที่หากว่า ถ้าเราพูดคุยกับรัฐบาลเขา น่าจะเป็นประเทศที่สามารถส่งข้อความไปถึงคนของเขา และกลับมาได้เร็วที่สุด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว พร้อมระบุว่า วันนี้ตนเองมีนัดหมายเพื่อพบกับทูตจีนประจำประเทศไทยอยู่ด้วย ซึ่งก็พร้อมจะพูดคุยในเรื่องนี้และก็จะชี้แจงถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองด้วย
ในส่วนของการไปเยือนต่างประเทศนั้น นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 27 ระบุว่า คงต้องไปเยือนชาติอาเซียน ก่อนที่จะพิจารณาเรื่องการไปเยือนมิตรประเทศที่อยู่ในยุโรป สหรัฐอเมริกา หรือประเทศอื่นๆ พร้อมกันนั้น ก็ยืนยันด้วยว่า ตนเองให้ความสำคัญกับสื่อต่างประเทศ โดยได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นไปแล้ว (อ่านข่าว : อภิสิทธิ์'เปิดใจ'CNN'ลั่นกู้วิกฤต-คืนความสามัคคีคนในชาติ) ขณะที่วันนี้ก็ยังมีคิวสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษ และอัลจาซีราห์อีกด้วย
“โดยธรรมเนียมในอดีตนายกรัฐมนตรีหลายท่านหลังจากรับตำแหน่งสักพักหนึ่งก็จะเดินทางไปสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว