ไทยจับมืออินโดฯ-มาเลย์ ร่วมพัฒนาพื้นที่ ฟันฝ่าวิกฤตร่วมกันทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน มาตรการรักษาความปลอดภัยการประชุมเป็นไปตามแผน ผู้นำพอใจ พบ “นักวิชาการแดง” 10 คนเตรียมป่วน
วันนี้ (28 ก.พ.) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการ ประชุมสุดยอดแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย อันประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ครั้งที่ 4 โดยมีประธานาธิบดีอินโดนีเซียเป็นประธานการประชุมว่า ทั้ง 3 ประเทศคจะร่วมมือด้านต่างๆ ทั้งสาธารณสุข การพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน ส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่จะเป็นการตามกลไก หรือจะสร้างความเเข็งเกร่งให้กลุ่มประเทศเหล่านี้พ้นวิกฤตเศรษฐกิจไปได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีไทยยังหารือกับนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้พบกัน และเป็นโอกาสที่จะแนะนำตัวหลังเข้ารับตำแหน่ง โดยก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีไทยเดินทางเยือนหลายประเทศในอาเซียน แต่ยังไม่ได้เดินทางไปเยือนสิงคโปร์ โดยจะเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการหลังจากนี้
เมื่อเวลา 10.50 น.ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เชียงใหม่ นายเหวียน เติน ซุง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14
โดยนายกฯ เวียดนาม กล่าวแสดงความขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น และแสดงความชื่นชมในการเตรียมความพร้อมการจัดการประชุมฯ ของไทย พร้อมทั้งกล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ที่มีมิตรภาพที่แนบแน่น และมีการพัฒนาความร่วมมือในด้านต่างๆ ทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคี ที่ครอบคลุมในทุกด้าน ทั้งด้าน การเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการศึกษา ในฐานะสมาชิกอาเซียน เวียดนามจะทำงานร่วมกับไทยและประเทศสมาชิกอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาความร่วมมือและความก้าวหน้าในการดำเนินการด้านต่างๆ ไปอีกระดับ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ และประชาชนอาเซียน
นายเหวียนกล่าวถึงการการจัดการประชุมร่วมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งสองประเทศว่าจะเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาการทำงานร่วมกันในระดับทวิภาคีของไทยและเวียดนาม รวมถึงการดำเนินการสานต่อกลไกความร่วมมือภายใต้กรอบคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม และคณะทำงานร่วมด้านการเมือง โดยเวียดนามเห็นว่า ไทยและเวียดนามมีโอกาสที่พัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการส่งออกข้าว ที่จะมีกลไกร่วมกัน เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการส่งออก ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกร และการพัฒนาด้านการเกษตรของทั้งสองประเทศ
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้กล่าวเชิญนายอภิสิทธิ์ไปเยือนเวียดนามในโอกาสอันใกล้นี้ เพื่อร่วมกันพัฒนาความสัมพันธ์ละความร่วมมือระหว่างกัน
ในโอกาสนี้นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวแสดงความขอบคุณเวียดนามสำหรับความร่วมมือและการสนับสนุนไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนในครั้งนี้ พร้อมทั้งกล่าวถึงความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยและเวียดนามที่มีพัฒนาการที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเติบโตทางด้านการค้าและการลงทุน ทั้งนี้ ไทยมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับเวียดนามอย่างใกล้ชิดต่อไป ทั้งในระดับทวิภาคี และภูมิภาค ส่วนด้านความร่วมมือด้านผลผลิตการเกษตร ไทยจะทำงานร่วมกับเวียดนามโดยใช้กลไกต่างๆในการสร้างความมั่นคงด้านอาหารของภูมิภาค และสร้างเสถียรภาพด้านราคาของผลิตผลทางการเกษตร เพื่อประโยชน์ของเกษตรกร
มีรายงานว่าคณะรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเห็นชอบกับร่างแรกของคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการจัดตั้งกลไกสิทธิมนุษยชนอาเซียน ที่มีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เป็นประธาน ซึ่งต้องการให้องค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่อาเซียนให้กับเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่เน้นทั้งการส่งเสริม และคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน
โดยเห็นว่าอาเซียนควรจะมีปฏิญญาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน และเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาระหว่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ
ทั้งนี้ คณะทำงานเตรียมจะเสนอร่างสุดท้าย เพื่อให้ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอนุมัติในการประชุมประจำปีของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่ประเทศไทย และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด กระบวนการจัดตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียน รวมทั้งการสรรหาผู้แทนของประเทศสมาชิกจะเรียบร้อยภายในการประชุมสุดยอดอาเซียนปลายปีนี้ที่ประเทศไทย
ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 ส่วนหน้า (ศปก.ภ.7) โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทั้งนี้ ได้หารือเกี่ยวกับการติดตามข่าวความเคลื่อนไหวที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมเรียกร้องหรือภัยคุกคาม ความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ ความเคลื่อนไหวของบุคคลหรือมือที่ 3 ที่อาจก่อกวนการประชุม รวมถึงสรุปข่าวและแนวโน้มสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้น นายสุเทพกล่าวว่า ภาพรวมจากการฟังรายงานสรุปแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่เห็นแก่ประเทศชาติ ช่วยกันดูแล รักษาภาพพจน์ของประเทศ ถือเป็นการร่วมกันทำหน้าที่ อย่างไรก็ตาม การจัดเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้นำประเทศนั้น บรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ไม่ได้ตกใจหรือแสดงความแปลกใจ แต่กลับสบายใจ เพราะทุกประเทศก็ปฏิบัติเช่นนี้
“ผู้นำประเทศทุกคนรู้สึกพอใจและชื่นชมกับมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ไทยได้จัดเตรียมไว้ และไม่มีการร้องขออะไรเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางมาประชุมที่หัวหิน ที่มีบรรยากาศเงียบสงบ และสวยงาม ผู้นำบางประเทศยังไม่เคยเดินทางมาที่หัวหิน จึงรู้สึกชอบ” นายสุเทพ กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีกลุ่มเสื้อแดงเข้ามาพักอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.หัวหิน ว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีกลุ่มเสื้อแดงเข้ามาพักอยู่บ้าง ซึ่งมีจำนวนไม่มาก และขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลกำลังเข้าไปเจรจา จากการตรวจสอบพบว่าเป็นความต้องการแสดงออกของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่รบกวนการประชุมอาเซียนซัมมิท คงไม่มีปัญหาอะไร
“สรุปสถานการณ์การข่าวจากทุกด้าน ทุกกลุ่มที่มีอยู่ เชื่อว่าดูแลรักษาความปลอดภัยของผู้นำประเทศได้ตลอดจนเส้นทางการจราจร อย่างไรก็ตาม การจราจรอาจมีปัญหาบ้าง เนื่องจากมีขบวนรถของผู้นำหลายขบวน” พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 17.00 น.วันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะนำผู้นำและรัฐมนตรีอาเซียนจาก 10 ประเทศ เดินทางเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในช่วงบ่าย ปรากฏว่าที่บริเวณหอนาฬิกาเทศบาลเมืองหัวหิน ซึ่งอยู่ห่างจากสถานที่ประชุมประมาณ 10 กิโลเมตร ได้มีกลุ่มประชาชนกว่า 10 คน เรียกตัวเองว่า “กลุ่มเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง” ได้รวมตัวถือป้ายพร้อมกับอ่านแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาบังคับใช้ และให้รัฐบาลยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน โดยมีนายอภินันท์ จันทรังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และตำรวจมาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ได้มีกลุ่ม “พีซ ฟอร์ เบอร์มา” ภายใต้การสนับสนุนขององค์การแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กว่า 10 คน ได้จัดกิจกรรมปั่นจักรยานรอบตัวเมืองหัวหินระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อรณรงค์ให้สาธารณชนตระหนักถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน รวมทั้งเรียกร้องให้กลไกสิทธิมนุษยชนอาเซียนที่กำลังจะตั้งขึ้นมีผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง โดยเฉพาะสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายในพม่า