มือมืดป่วนนำกระเป๋าเอกสารผูกติดเพลาล้อหน้ารถ โทร.ขู่วางระเบิดรถบัสรับ-ส่งเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้เข้าตรวจสอบพบเพียงโฟมและลำโพง ก่อนรวบรวมของกลางไว้ตรวจสอบ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจีน คาด เป็นฝีมือผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ต่อต้านจัดแข่งโอลิมปิก
วันนี้ (9 ก.ย.) เมื่อเวลา 08.00 น. ร.ต.ท.ศิริบุญธรรม ฟักทอง ร้อยเวร สน.บางโพงพาง ได้รับแจ้งว่ามีผู้พบวัตถุต้องสงสัยผูกติดอยู่ที่ใต้ท้องรถบัสรับ-ส่งเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถส่วนกลางของบางกอกการ์เด้นอพาร์ทเม้นท์ และโรงเรียนนานาชาติ NEW SATHORN INTERNATIONAL SCHOLL กลางซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 24 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม.จึงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรีบรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.และ รรท.ผบช.น. พ.ต.อ.กสิณ ศรีธรรมสุข ผกก.สน.บางโพงพาง พ.ต.ท.กฤษณ์ แจ้งแสง สว.สส.สน.บางโพงพาง และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ.บช.น.
ที่เกิดเหตุพบรถบัสปรับอากาศขนาดใหญ่สูง 2 ชั้น ยี่ห้อฮีโน่ สีขาวลายน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 30-0764 ลพบุรี ซึ่งเป็นรถของ หจก.ศรีทองเอี่ยมการท่องเที่ยว ใช้สำหรับรับ-ส่งเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน จอดอยู่ที่ลานจอดรถดังกล่าว โดยมีกระเป๋าเอกสารสีดำผูกด้วยลวดติดอยู่บริเวณเพลาล้อหน้าด้านซ้าย เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้จึงได้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงทำการยิงใส่เพื่อตรวจสอบ ปรากฏว่าภายในกระเป๋าไม่มีวัตถุระเบิดแต่อย่างใด พบเพียงกล่องเก็บเครื่องมือช่างสีดำขนาดความกว้าง 6 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว และหนา 4 นิ้ว 1 ใบ ภายในกล่องบรรจุโฟม และแม่เหล็กลำโพง 2 อันเท่านั้น พนักงานสอบสวนจึงเก็บรวมรวมของกลางที่พบไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายนันทพงศ์ เรืองขำ อายุ 42 ปี พนักงานขับรถ ให้การว่า ปกติแล้วในช่วงเวลา 07.50 น.ตนจะขับรถออกจากบางกอกการ์เด้นอพาร์ทเม้นท์ เพื่อนำเจ้าหน้าที่สถานทูตจีนซึ่งพักอยู่ที่นี่ประมาณ 20 คน ไปส่งยังที่ทำการสถานทูต ภายในซอยรัชดา 3 พอถึงเวลา 17.15 น.ก็จะรับเจ้าหน้าที่กลับมาส่งเข้าที่พัก ตามปกติอย่างนี้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ โดยตนจะใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในรถ จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าก่อนออกรถมุ่งหน้าไปสถานทูต ก็ได้มีนายหวังยา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสาร เดินมาแจ้งตนว่ามีคนร้ายโทรศัพท์เข้ามาบอกว่ามีระเบิดผูกอยู่ใต้ท้องรถ เมื่อลงไปตรวจดูพบกระเป๋าต้องสงสัยผูกติดอยู่กับเพลาล้อหน้า 1 ใบ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
ด้าน พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนได้พูดคุยกับ ร.อ.โจ หยาง เจี๋ย เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสารแล้วคาดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ไม่หวังดีภายในประเทศจีนมากกว่า โดยอาจจะเป็นกลุ่มที่ต่อต้านการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ร.อ.โจ หยาง เจี๋ย ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลอะไรได้มากนัก เนื่องจากต้องหารือกับผู้ใหญ่ทางสถานทูตเสียก่อน เท่าที่ทราบเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตชุดนี้อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว และไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาก่อน ส่วนเรื่องหมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้โทรเข้ามาขู่ตรวจสอบแล้วเป็นเบอร์ 08-5057-7071 ซึ่งเป็นเบอร์แบบเติมเงินที่หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป หลังจากนี้คงมอบหน้าที่ให้ฝ่ายสืบสวนติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.กฤษณ์ กล่าวว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่รับโทรศัพท์ได้ข้อมูลว่า คนร้ายรายนี้โทร.มาข่มขู่ด้วยภาษาอังกฤษ โดยแจ้งให้ทราบว่า “ที่ใต้ท้องรถมีระเบิดผูกเอาไว้ หากรถกำลังแล่นอยู่ห้ามเหยียบเบรก ไม่อย่างนั้นระเบิดจะทำงาน” อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลอาคารคอยจัดเวรยามมารักษาการณ์เพิ่มขึ้นแล้ว และหากเป็นไปได้จะขอให้ติดกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในลานจอดรถดังกล่าวด้วย เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการติดตั้งแต่อย่างใด ส่วนเรื่องกระเป๋าต้องสงสัยที่พบนั้นตนยังไม่แน่ใจว่าคนร้ายนำมาผูกก่อนที่รถจะขับมาจอด หรือลักลอบเข้ามาผูกเมื่อช่วงกลางดึกกันแน่ โดยหลังจากนี้ตนจะได้เช็กข้อมูลเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้เพื่อหาเบาะแสในการจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (9 ก.ย.) เมื่อเวลา 08.00 น. ร.ต.ท.ศิริบุญธรรม ฟักทอง ร้อยเวร สน.บางโพงพาง ได้รับแจ้งว่ามีผู้พบวัตถุต้องสงสัยผูกติดอยู่ที่ใต้ท้องรถบัสรับ-ส่งเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถส่วนกลางของบางกอกการ์เด้นอพาร์ทเม้นท์ และโรงเรียนนานาชาติ NEW SATHORN INTERNATIONAL SCHOLL กลางซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 24 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม.จึงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรีบรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.และ รรท.ผบช.น. พ.ต.อ.กสิณ ศรีธรรมสุข ผกก.สน.บางโพงพาง พ.ต.ท.กฤษณ์ แจ้งแสง สว.สส.สน.บางโพงพาง และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ.บช.น.
ที่เกิดเหตุพบรถบัสปรับอากาศขนาดใหญ่สูง 2 ชั้น ยี่ห้อฮีโน่ สีขาวลายน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 30-0764 ลพบุรี ซึ่งเป็นรถของ หจก.ศรีทองเอี่ยมการท่องเที่ยว ใช้สำหรับรับ-ส่งเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน จอดอยู่ที่ลานจอดรถดังกล่าว โดยมีกระเป๋าเอกสารสีดำผูกด้วยลวดติดอยู่บริเวณเพลาล้อหน้าด้านซ้าย เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้จึงได้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงทำการยิงใส่เพื่อตรวจสอบ ปรากฏว่าภายในกระเป๋าไม่มีวัตถุระเบิดแต่อย่างใด พบเพียงกล่องเก็บเครื่องมือช่างสีดำขนาดความกว้าง 6 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว และหนา 4 นิ้ว 1 ใบ ภายในกล่องบรรจุโฟม และแม่เหล็กลำโพง 2 อันเท่านั้น พนักงานสอบสวนจึงเก็บรวมรวมของกลางที่พบไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายนันทพงศ์ เรืองขำ อายุ 42 ปี พนักงานขับรถ ให้การว่า ปกติแล้วในช่วงเวลา 07.50 น.ตนจะขับรถออกจากบางกอกการ์เด้นอพาร์ทเม้นท์ เพื่อนำเจ้าหน้าที่สถานทูตจีนซึ่งพักอยู่ที่นี่ประมาณ 20 คน ไปส่งยังที่ทำการสถานทูต ภายในซอยรัชดา 3 พอถึงเวลา 17.15 น.ก็จะรับเจ้าหน้าที่กลับมาส่งเข้าที่พัก ตามปกติอย่างนี้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ โดยตนจะใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในรถ จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าก่อนออกรถมุ่งหน้าไปสถานทูต ก็ได้มีนายหวังยา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสาร เดินมาแจ้งตนว่ามีคนร้ายโทรศัพท์เข้ามาบอกว่ามีระเบิดผูกอยู่ใต้ท้องรถ เมื่อลงไปตรวจดูพบกระเป๋าต้องสงสัยผูกติดอยู่กับเพลาล้อหน้า 1 ใบ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
ด้าน พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนได้พูดคุยกับ ร.อ.โจ หยาง เจี๋ย เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสารแล้วคาดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ไม่หวังดีภายในประเทศจีนมากกว่า โดยอาจจะเป็นกลุ่มที่ต่อต้านการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ร.อ.โจ หยาง เจี๋ย ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลอะไรได้มากนัก เนื่องจากต้องหารือกับผู้ใหญ่ทางสถานทูตเสียก่อน เท่าที่ทราบเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตชุดนี้อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว และไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาก่อน ส่วนเรื่องหมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้โทรเข้ามาขู่ตรวจสอบแล้วเป็นเบอร์ 08-5057-7071 ซึ่งเป็นเบอร์แบบเติมเงินที่หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป หลังจากนี้คงมอบหน้าที่ให้ฝ่ายสืบสวนติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.กฤษณ์ กล่าวว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่รับโทรศัพท์ได้ข้อมูลว่า คนร้ายรายนี้โทร.มาข่มขู่ด้วยภาษาอังกฤษ โดยแจ้งให้ทราบว่า “ที่ใต้ท้องรถมีระเบิดผูกเอาไว้ หากรถกำลังแล่นอยู่ห้ามเหยียบเบรก ไม่อย่างนั้นระเบิดจะทำงาน” อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลอาคารคอยจัดเวรยามมารักษาการณ์เพิ่มขึ้นแล้ว และหากเป็นไปได้จะขอให้ติดกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในลานจอดรถดังกล่าวด้วย เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการติดตั้งแต่อย่างใด ส่วนเรื่องกระเป๋าต้องสงสัยที่พบนั้นตนยังไม่แน่ใจว่าคนร้ายนำมาผูกก่อนที่รถจะขับมาจอด หรือลักลอบเข้ามาผูกเมื่อช่วงกลางดึกกันแน่ โดยหลังจากนี้ตนจะได้เช็กข้อมูลเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้เพื่อหาเบาะแสในการจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
