ส.อ.ท.หวั่นการเมืองเปลี่ยนขั้วไม่นิ่ง ส่งผลให้การตั้งรัฐบาลล่าช้า แนะพรรคการเมืองเซ็น MOU เร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ประกันย้ายขั้ว-ต่อรองผลประโยชน์ เตือนสถานการณ์บีบคั้นเหลือทางเลือกแค่ 3 ทาง แนะเปลี่ยนขั้วเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะกลุ่มรัฐบาลเก่ามีโอกาสบริหารประเทศแล้ว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ อัดการยุบสภาไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะจะยิ่งทำให้เกิดสุญญากาศในการบริหารประเทศมากขึ้น
วันนี้ (08 ธันวาคม 2551) นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ภาคเอกชน มองว่า ยังไม่มีความชัดเจนในการจับมือจัดตั้งรัฐบาลของทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทางภาคเอกชนจึงอยากเห็นความชัดเจน หากสามารถให้ทุกพรรคการเมืองมีการลงนามความร่วมมือ (MOU) เช่นเดียวกับภาคเอกชน เป็นการประกันย้ายกลับขั้วสลับไปมาได้จะเป็นการดีที่สุด
นอกจากนี้ นายสันติ ยังกล่าวอีกว่า ทางภาคเอกชนอยากลองให้พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีโอากาสจัดตั้งรัฐบาล เพราะที่ผ่านมา พรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย ในปัจจุบัน มีโอกาสบริหารประเทศแล้ว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ และเห็นว่า การยุบสภาไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะจะยิ่งทำให้เกิดสุญญากาศในการบริหารประเทศมากขึ้น หากไม่มีรัฐบาล คาดว่า ในปี 2552 ประเทศจะเผชิญวิกฤตหนัก เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
นายสันติ ยังกล่าวถึงการจับขั้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า หากพิจารณาจากการรวบรวมคะแนนเสียงแล้ว จำนวน ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ยังมีความไม่แน่นอน สำหรับภาคเอกชนอยากให้มีรัฐบาลใหม่สามารถทำงานได้ โดยเห็นด้วยที่จะให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม จะต้องติดตามว่า หลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้วมีการบริหารประเทศได้ดีมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทางเลือกทางการเมืองมีเหลือเพียง 3 ทาง คือ ประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และการประกาศยุบสภา
นายสันติ กล่าวว่า ในส่วนของ ส.อ.ท.อยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาล เพราะการไม่มีรัฐบาลจะทำให้โอกาสทุกด้านของไทยหายไป จึงรอไม่ได้ จำเป็นต้องมีรัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะความเชื่อมั่น ในทางตรงกันข้าม หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็จะมีปัญหาที่ไม่จบสิ้น
