ศูนย์ข่าวชลบุรี - นักธุรกิจชลบุรีเชื่อการมีมติให้ยุบพรรคพลังประชาชนของ กกต.เป็นไปตามครรลองของกฏหมายที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันยังเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาเปลี่ยนขั้วการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่เดินหน้าบริหารประเทศต่อไป ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ลดกระแสความแตกแยกที่เกิดขึ้น มั่นใจเหตุปะทะกันระหว่าง นปช.และพันธมิตรฯ เกิดจากการเคลื่อนพลหาเรื่องของกลุ่ม นปช.จนเป็นที่มาของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย เผยถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ว่า เป็นเพราะความขัดแย้งทางความคิดอย่างหนักของคนในสังคม ขณะที่การปะทะกันระหว่างกลุ่ม นปช.และพันธมิตรฯ เมื่อคืนที่ผ่านมามั่นใจว่า สาเหตุเกิดการจากเคลื่อนพลของ นปช.ที่ชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวงเพื่อออกไปหาเรื่องกลุ่ม พธม.ที่ชุมนุมอย่างสงบ บริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยที่ตำรวจนอกจากจะไม่ช่วยห้ามปราบแล้วยังไม่สกัดกั้นการเดินทางของกลุ่ม นปช.จนเป็นที่มาของการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาล
อย่างไรก็ดี การมีมติให้ยุบพรรคพลังประชาชนของ กกต.น่าจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยตนขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาเปลี่ยนขั้วการเมืองและหันมาจับมือร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เพื่อบริหารประเทศต่อไป หลังมั่นใจว่านายสมัคร สุนทรเวช จะไม่ยอมลงจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ ก็เพื่อลดกระแสความวุ่นวายและความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองและยังเป็นการแก้ภาพลักษณ์ในสายตานักลงทุนและชาวต่างชาติ นอกจากนั้นยังมั่นใจว่าการมีมติดังกล่าวของ กกต.เป็นไปตามครรลองของกฏหมายที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ
“ผมอยากเห็นการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่ละมุนละม่อม แต่ก็เชื่อว่าคุณสมัครยัง งัยก็ไม่ยอมลาออกหรือยุบสภา ดังนั้น ทางที่ดีพรรคร่วมรัฐบาลควรหาทางออกด้วยการจับขั้วการเมืองใหม่ โดยในวันนี้ทั้งนักธุรกิจ สภาอุตสาหกรรมและหอการค้าต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันแล้วว่าต้องการให้คุณสมัครทำอย่างไร ตอนนี้ไม่ต้องพูดแล้วว่าเศรษฐกิจประเทศเราเสียหายแค่ไหน แต่หากไม่ต้องการห้เสียหายมากไปกว่านี้ก็ควรที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” นายนิยม กล่าว
ด้าน นางสุภาพ เวท นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์อีสเทิรน์ซีบอร์ด เผยการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพัทยาและภาคตะวันออก ขณะนี้ชะลอตัวไปมาก โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าภาวะเศรษฐกิจของไทยกำลังดิ่งลงสู่ก้นเหว
“ในส่วนการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะกระทบต่อการลงทุนอย่างไร รู้แต่ว่ามันส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งเสียงสะท้อนที่เกิดขึ้นกับชาวต่างชาติขณะนี้ก็คือเขาว่ารัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะคุณสมัคร เป็นตัวแทนของคุณทักษิณ แต่ก็ยังไม่ออกความคิดว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลควรทำอย่างไร ที่สำคัญเขายังบอกอีกว่าคุณทักษิณ เป็นคนเก่งแต่หากลดความเห็นแก่ตัวลงให้มากๆ ประเทศไทยก็คงจะไม่เป็นอย่างนี้” นางสุภาพ กล่าว
นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย เผยถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ว่า เป็นเพราะความขัดแย้งทางความคิดอย่างหนักของคนในสังคม ขณะที่การปะทะกันระหว่างกลุ่ม นปช.และพันธมิตรฯ เมื่อคืนที่ผ่านมามั่นใจว่า สาเหตุเกิดการจากเคลื่อนพลของ นปช.ที่ชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวงเพื่อออกไปหาเรื่องกลุ่ม พธม.ที่ชุมนุมอย่างสงบ บริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยที่ตำรวจนอกจากจะไม่ช่วยห้ามปราบแล้วยังไม่สกัดกั้นการเดินทางของกลุ่ม นปช.จนเป็นที่มาของการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาล
อย่างไรก็ดี การมีมติให้ยุบพรรคพลังประชาชนของ กกต.น่าจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยตนขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาเปลี่ยนขั้วการเมืองและหันมาจับมือร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เพื่อบริหารประเทศต่อไป หลังมั่นใจว่านายสมัคร สุนทรเวช จะไม่ยอมลงจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ ก็เพื่อลดกระแสความวุ่นวายและความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองและยังเป็นการแก้ภาพลักษณ์ในสายตานักลงทุนและชาวต่างชาติ นอกจากนั้นยังมั่นใจว่าการมีมติดังกล่าวของ กกต.เป็นไปตามครรลองของกฏหมายที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ
“ผมอยากเห็นการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่ละมุนละม่อม แต่ก็เชื่อว่าคุณสมัครยัง งัยก็ไม่ยอมลาออกหรือยุบสภา ดังนั้น ทางที่ดีพรรคร่วมรัฐบาลควรหาทางออกด้วยการจับขั้วการเมืองใหม่ โดยในวันนี้ทั้งนักธุรกิจ สภาอุตสาหกรรมและหอการค้าต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันแล้วว่าต้องการให้คุณสมัครทำอย่างไร ตอนนี้ไม่ต้องพูดแล้วว่าเศรษฐกิจประเทศเราเสียหายแค่ไหน แต่หากไม่ต้องการห้เสียหายมากไปกว่านี้ก็ควรที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” นายนิยม กล่าว
ด้าน นางสุภาพ เวท นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์อีสเทิรน์ซีบอร์ด เผยการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพัทยาและภาคตะวันออก ขณะนี้ชะลอตัวไปมาก โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าภาวะเศรษฐกิจของไทยกำลังดิ่งลงสู่ก้นเหว
“ในส่วนการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะกระทบต่อการลงทุนอย่างไร รู้แต่ว่ามันส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งเสียงสะท้อนที่เกิดขึ้นกับชาวต่างชาติขณะนี้ก็คือเขาว่ารัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะคุณสมัคร เป็นตัวแทนของคุณทักษิณ แต่ก็ยังไม่ออกความคิดว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลควรทำอย่างไร ที่สำคัญเขายังบอกอีกว่าคุณทักษิณ เป็นคนเก่งแต่หากลดความเห็นแก่ตัวลงให้มากๆ ประเทศไทยก็คงจะไม่เป็นอย่างนี้” นางสุภาพ กล่าว
