ผู้จัดการรายวัน - ภาคเอกชนมองการเมืองไม่จบง่าย เหตุตั้งน้องเขยแม้วแถม พปช.ยังแตกเป็น 2 ก๊ก เชื่อทำได้แค่แค่ลดดีกรีความร้อนแรง จับตาโผ ครม.ใหม่ พร้อมเกาะติดใกล้ชิดยุบพรรค พปช.
นายเกียรติพงษ์ น้อยใจบุญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่มติกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน (พปช.) เลือก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้นเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเฉพาะกิจเท่านั้น ไม่ได้แก้ปัญหาโครงสร้างทางการเมืองได้เพราะในที่สุดแล้วจะต้องไปรอการตัดสินคดียุบพรรค พปช.หรือไม่อีกในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม นายสมชายนั้นหากเทียบกับนายสมัคร สุนทรเวช แล้ว ยังถือว่ามีวุฒิภาวะมากกว่า
“จากนี้ไปก็คงต้องติดตามการจัดตั้ง ครม.ใหม่ว่ารัฐมนตรีจะมีการปรับโฉมหรือว่าเหมือนเดิมซึ่งก็จะพิสูจน์ฝีมือนายสมชายว่าจะลบภาพรัฐบาลคอร์รัปชั่นหรือ ครม.ขี้เหร่ได้หรือไม่ เพราะถ้าไม่ได้ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น อาจจะแย่ลงด้วยซ้ำ คงต้องติดตามเพราะคงไม่จบง่ายเนื่องจากนายสมชายถูกมองว่าเป็นนอมินีของทักษิณ ชินวัตร ขณะที่ พปช.ก็แตกเป็น 2 ก๊ก“นายเกีรติพงษ์กล่าว
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การเลือกนายสมชายเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะลดความรุนแรงทางการเมืองไปได้ระดับหนึ่ง เนื่องจากนายสมชายเป็นคนประนีประนอม อย่างไรก็ตามก็ยังคงต้องติดตามอีกเนื่องจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเองดูจะไม่ยอมรับคนที่มาจาก พปช. นอกจากนี้ยังมีคดีทุจริตการเลือกตั้งที่ต้องติดตามว่าจะถึงขั้นยุบพรรค พปช.หรือเป็นความผิดเฉพาะบุคคลหรือไม่อีก เพราะหากเป็นความผิดพรรคในที่สุดก็ต้องยุบสภาฯ
“การเมืองลดความร้อนแรงลงไป เพราะมั่นใจว่าจะไม่เกิดความรุนแรงขึ้นเพราะมีการยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จุดนี้ก็จะดึงความเชื่อมั่นกลับมาแต่ในแง่ของการเมืองยังต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงอีกพอสมควร”นายสันติกล่าวและว่า หลังจากความชัดเจนในการเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ต้องการเห็นการฟอร์มทีมคณะรัฐมนตรีใหม่ที่ควรเน้นรัฐมนตรีที่เป็นที่ยอมรับของสังคม แม้ว่าในปัจจุบันอาจจะหาคนดีเลิศไม่ง่ายนัก แต่ก็ควรจะเป็นคนดีพอสมควร เพื่อที่จะมาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองโดยเฉพาะเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เนื่องจากขณะนี้ปัญหาน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ อาจส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและรายได้ของประชาชนในอนาคต.
นายเกียรติพงษ์ น้อยใจบุญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่มติกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน (พปช.) เลือก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้นเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเฉพาะกิจเท่านั้น ไม่ได้แก้ปัญหาโครงสร้างทางการเมืองได้เพราะในที่สุดแล้วจะต้องไปรอการตัดสินคดียุบพรรค พปช.หรือไม่อีกในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม นายสมชายนั้นหากเทียบกับนายสมัคร สุนทรเวช แล้ว ยังถือว่ามีวุฒิภาวะมากกว่า
“จากนี้ไปก็คงต้องติดตามการจัดตั้ง ครม.ใหม่ว่ารัฐมนตรีจะมีการปรับโฉมหรือว่าเหมือนเดิมซึ่งก็จะพิสูจน์ฝีมือนายสมชายว่าจะลบภาพรัฐบาลคอร์รัปชั่นหรือ ครม.ขี้เหร่ได้หรือไม่ เพราะถ้าไม่ได้ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น อาจจะแย่ลงด้วยซ้ำ คงต้องติดตามเพราะคงไม่จบง่ายเนื่องจากนายสมชายถูกมองว่าเป็นนอมินีของทักษิณ ชินวัตร ขณะที่ พปช.ก็แตกเป็น 2 ก๊ก“นายเกีรติพงษ์กล่าว
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การเลือกนายสมชายเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะลดความรุนแรงทางการเมืองไปได้ระดับหนึ่ง เนื่องจากนายสมชายเป็นคนประนีประนอม อย่างไรก็ตามก็ยังคงต้องติดตามอีกเนื่องจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเองดูจะไม่ยอมรับคนที่มาจาก พปช. นอกจากนี้ยังมีคดีทุจริตการเลือกตั้งที่ต้องติดตามว่าจะถึงขั้นยุบพรรค พปช.หรือเป็นความผิดเฉพาะบุคคลหรือไม่อีก เพราะหากเป็นความผิดพรรคในที่สุดก็ต้องยุบสภาฯ
“การเมืองลดความร้อนแรงลงไป เพราะมั่นใจว่าจะไม่เกิดความรุนแรงขึ้นเพราะมีการยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จุดนี้ก็จะดึงความเชื่อมั่นกลับมาแต่ในแง่ของการเมืองยังต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงอีกพอสมควร”นายสันติกล่าวและว่า หลังจากความชัดเจนในการเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ต้องการเห็นการฟอร์มทีมคณะรัฐมนตรีใหม่ที่ควรเน้นรัฐมนตรีที่เป็นที่ยอมรับของสังคม แม้ว่าในปัจจุบันอาจจะหาคนดีเลิศไม่ง่ายนัก แต่ก็ควรจะเป็นคนดีพอสมควร เพื่อที่จะมาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองโดยเฉพาะเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เนื่องจากขณะนี้ปัญหาน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ อาจส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและรายได้ของประชาชนในอนาคต.
