“แอ็ลไลด์ เม็ททัลส์” ธุรกิจประกอบครัว หวั่นสถานการณ์ไม่มีความแน่นอน ถอดใจลดเป้ารายได้ปีหน้าเหลือ 10% จาก 15% พร้อมรื้อแผนธุรกิจวางหมากแบบระยะสั้น รองรับปีหน้า มองปีนี้โตเท่าปีก่อนที่ 10% จาก 700 ล้านบาท
นางสาวปริม จิตจรุงพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็ลไลด์ เม็ททัลส์ (ประทศไทย) จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านกิจการการออกแบบ สร้าง และประกอบครัวอุตสาหกรรมเพื่อการพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธุรกิจประกอบครัวในช่วง 9-10 เดือนที่ผ่านมา ยังพบว่าเป็นไปด้วยดี หรือทั้งปีมองว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นประมาณ 10% เท่าปีก่อน จาก 700 ล้านบาท
โดยการเติบโตดังกล่าว มองว่า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นกลุ่มโรงแรมยังมีการเดินหน้าปรับปรุงตกแต่งครัวใหม่อยู่ กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีการวางแผนระยะยาว ขณะเดียวกันวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น ลูกค้าจะมองว่าเป็นช่วงเวลาที่จะหันมาปรับปรุงพื้นที่ต่างๆ พอเศรษฐกิจกลับมาดี ก็พร้อมสำหรับให้บริการทันที
อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินธุรกิจปีหน้า จากเดิมที่ได้วางแผนระยะยาวไว้แล้ว แต่พอมาเจอเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ส่งผลให้ทางบริษัทกำลังจะมีการปรับแผนธุรกิจใหม่ โดยจะต้องมีการวางแผนรองรับสถานการณ์ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว ขณะเดียวกัน จากเดิมที่ตั้งเป้าเติบโตในปีหน้าไว้ที่ 15% จะลดลงเหลือ 10%
นอกจากนี้ จะมีการโฟกัสตลาดต่างประเทศมากขึ้น จากสัดส่วนรายได้ต่างประเทศที่ 40% ในปีนี้ ปีหน้าจะพยายามเพิ่มขึ้นเป็น 50% เท่าๆ กับรายได้ในประเทศ แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของลูกค้าจากต่างประเทศ ว่า จะยังพร้อมสั่งออเดอร์เข้ามาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในประเทศด้วยว่า จะเป็นเช่นไร ทั้งนี้ หากสถานการณ์แย่ลง บริษัทจะมุ่งเน้นปรับองค์กรภายในมากกว่า พัฒนาศักยภาพของพนักงานให้มากขึ้น โดยไม่มีแผนที่จะปลดพนักงานแต่อย่างไร
สำหรับลูกค้าในต่างประเทศนั้น จะยังคงโฟกัสกลุ่มประเทศเดิมๆ อยู่ เช่น พม่า, เวียดนาม, ศรีลังกา, อินเดีย และประเทศในแถบตะวันออกกลาง อย่าง ประเทศกาตาร์ รวมถึงอินเดีย
“จริงๆ ปีนี้ ก็เจอปัจจัยลบมากมาย แต่ถ้าสามารถผ่านไปได้ด้วยดี ก็มองว่าปีหน้าก็น่าจะผ่านไปได้ เช่นเดียวกัน เพราะธุรกิจที่ทำอยู่ไม่ค่อยเจอผลกระทบ ลูกค้าวางแผนระยะยาว แต่ทั้งนี้มองว่าความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น จะส่งผลต่อความมั่นใจของลูกค้า และเราเองก็ไม่รู้ว่า จะเดินไปทิศทางไหนดี เพราะนอกจากปัจจัยภายในประเทศแล้ว ปัจจัยภายนอกประเทศ กับสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่กำลังเกิดขึ้น อาจจะมีผลกระทบต่อรายได้กลุ่มต่างประเทศ ที่อาจจะชะลอสั่งออเดอร์ก็เป็นได้” นางสาวปริม กล่าวในที่สุด
นางสาวปริม จิตจรุงพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็ลไลด์ เม็ททัลส์ (ประทศไทย) จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านกิจการการออกแบบ สร้าง และประกอบครัวอุตสาหกรรมเพื่อการพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธุรกิจประกอบครัวในช่วง 9-10 เดือนที่ผ่านมา ยังพบว่าเป็นไปด้วยดี หรือทั้งปีมองว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นประมาณ 10% เท่าปีก่อน จาก 700 ล้านบาท
โดยการเติบโตดังกล่าว มองว่า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นกลุ่มโรงแรมยังมีการเดินหน้าปรับปรุงตกแต่งครัวใหม่อยู่ กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีการวางแผนระยะยาว ขณะเดียวกันวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น ลูกค้าจะมองว่าเป็นช่วงเวลาที่จะหันมาปรับปรุงพื้นที่ต่างๆ พอเศรษฐกิจกลับมาดี ก็พร้อมสำหรับให้บริการทันที
อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินธุรกิจปีหน้า จากเดิมที่ได้วางแผนระยะยาวไว้แล้ว แต่พอมาเจอเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ส่งผลให้ทางบริษัทกำลังจะมีการปรับแผนธุรกิจใหม่ โดยจะต้องมีการวางแผนรองรับสถานการณ์ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว ขณะเดียวกัน จากเดิมที่ตั้งเป้าเติบโตในปีหน้าไว้ที่ 15% จะลดลงเหลือ 10%
นอกจากนี้ จะมีการโฟกัสตลาดต่างประเทศมากขึ้น จากสัดส่วนรายได้ต่างประเทศที่ 40% ในปีนี้ ปีหน้าจะพยายามเพิ่มขึ้นเป็น 50% เท่าๆ กับรายได้ในประเทศ แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของลูกค้าจากต่างประเทศ ว่า จะยังพร้อมสั่งออเดอร์เข้ามาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในประเทศด้วยว่า จะเป็นเช่นไร ทั้งนี้ หากสถานการณ์แย่ลง บริษัทจะมุ่งเน้นปรับองค์กรภายในมากกว่า พัฒนาศักยภาพของพนักงานให้มากขึ้น โดยไม่มีแผนที่จะปลดพนักงานแต่อย่างไร
สำหรับลูกค้าในต่างประเทศนั้น จะยังคงโฟกัสกลุ่มประเทศเดิมๆ อยู่ เช่น พม่า, เวียดนาม, ศรีลังกา, อินเดีย และประเทศในแถบตะวันออกกลาง อย่าง ประเทศกาตาร์ รวมถึงอินเดีย
“จริงๆ ปีนี้ ก็เจอปัจจัยลบมากมาย แต่ถ้าสามารถผ่านไปได้ด้วยดี ก็มองว่าปีหน้าก็น่าจะผ่านไปได้ เช่นเดียวกัน เพราะธุรกิจที่ทำอยู่ไม่ค่อยเจอผลกระทบ ลูกค้าวางแผนระยะยาว แต่ทั้งนี้มองว่าความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น จะส่งผลต่อความมั่นใจของลูกค้า และเราเองก็ไม่รู้ว่า จะเดินไปทิศทางไหนดี เพราะนอกจากปัจจัยภายในประเทศแล้ว ปัจจัยภายนอกประเทศ กับสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่กำลังเกิดขึ้น อาจจะมีผลกระทบต่อรายได้กลุ่มต่างประเทศ ที่อาจจะชะลอสั่งออเดอร์ก็เป็นได้” นางสาวปริม กล่าวในที่สุด
