ททท.เบรกเดินสายเทรดโชว์ และโรดโชว์ในต่างประเทศ ชั่วคราว สั่งการสำนักงานในต่างประเทศ ชะลอแผนขึ้นป้ายบิลบอร์ด และการประชาสัมพันธ์ผ่านทุกสื่อ ระบุ รอสถานการณ์สงบก่อน ค่อยเดินหน้า หวั่นเสียงบฟรีเปล่าประโยชน์ ขณะเดียวกัน ต้องให้ข่าวสารข้อเท็จจริง ให้ต่างชาติได้รับรู้ รวมถึงการบริการ ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวของคนไทย เพื่อช่วยกู้ภาพลักษณ์
นายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้หยุดการเดินสายร่วมงานเทรดโชว์และโรดโชว์ ในต่างประเทศเป็นการชั่วคราว เฉพาะงานที่จะมีขึ้นในระหว่างเดือน ธ.ค.2551-ก.พ.2552 รวมประมาณ 2-3 งาน ได้แก่ ที่ประเทศอิหร่าน ที่กำหนดจะเดินทางในสัปดาห์นี้ และงานที่ประเทศอินเดีย และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ ซึ่งงานทั้งหมดดังกล่าว ททท.ก็ยังไม่ได้จ่ายค่าจองสถานที่ไว้ด้วย แต่งานที่จองสถานที่ไว้แล้ว ยังยืนยันที่จะไปร่วมงาน เช่น งาน ลักส์ชัวรี่ ทราเวล มาร์ท ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นต้น
ที่ ททท.ตัดสินใจเช่นนี้ เพราะเห็นว่า ขณะนี้การไปร่วมออกงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ ขณะนี้คงไม่มีประโยชน์ เพราะต่างประเทศยังให้ความสนใจ และจดจำภาพการปิดสนามบินในประเทศไทย จึงต้องการให้สถานการณ์คลี่คลาย หรือมีการเปิดใช้สนามบินเป็นปกติก่อน
นอกจากนั้น ยังสั่งให้สำนักงานในต่างประเทศชะลอแผนการจัดทำ และติดตั้งป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ บิลบอร์ด และ โฆษณาในสื่ออื่นๆ ทุกรูปแบบออกไปก่อน โดยรอจนกว่าสถานการณ์ภายในประเทศไทยสงบลงก่อน เพื่อไม่ให้ต้องเสียงบประมาณไปโดยไม่คุ้มค่า เพราะเชื่อว่า ในช่วงนี้ แม้ประเทศไทยจะออกโฆษณาใดๆ หรือแคมเปญ ก็คงไม่มีผล ควรรอเรียกความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวกลับมาก่อนจึงค่อยทำการตลาดต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนการทำงานของ ททท.ในต่างประเทศนับจากนี้ไป คงเป็นเรื่องของการให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวมถึงชี้แจงสร้างการรับรู้ในกลุ่มบริษัทนำเที่ยวแลนักท่องเที่ยวให้ได้รับทราบว่าประเทศไทย และคนไทยได้ให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ที่รอการเดินทางกลับประเทศในช่วงปิดสนามบินอย่างไรบ้าง จากนั้นก็จะมีเรื่องของแนวทางการฟื้นฟูด้านการท่องเที่ยวเมื่อเหตุการณ์สงบ
ขณะที่ในส่วนของแผนการเดินทาง เทรดโชว์ และ โรดโชว์ จะเริ่มก็ต่อเมื่อ สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ มีรัฐบาลที่มีความมั่นคง มีแนวทางการบริหารบ้านเมืองที่ชัดเจน ภาพลักษณ์ของประเทศเริ่มดีขึ้น เพื่อให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ก่อนเดินหน้าทำการตลาดต่อไป
ทั้งนี้ ปกติช่วงฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ของทุกปี (พ.ย.-มี.ค.) จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย จะเฉลี่ยอยู่เดือนละ 900,000 คน แต่เมื่อเกิดเหตุปิดสนามบิน คาดว่า นักท่องเที่ยวจะหายไปราว 50% จากช่วงปกติ และแม้ว่าสนามบินเปิดใช้ได้ตามปกติแล้ว ก็ยังอาจทำให้นักท่องเที่ยวยังชะลอการเดินทางมาประเทศไทยอีกระยะหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวช่วงเวลาดังกล่าวหายไปได้ถึง 70% สำหรับแผนที่จะเชิญคนเชื้อสายจีนที่เป็นตระกูลแซ่ต่างๆ เข้ามาประชุมสังสรรค์ในประเทศไทย ซึ่งกรุ๊ปแรก กำหนดจะเดินทางเข้ามาในเดือน ธ.ค.ศกนี้ ก็คาดว่า เขาคงยกเลิกการเดินทางมา
นายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้หยุดการเดินสายร่วมงานเทรดโชว์และโรดโชว์ ในต่างประเทศเป็นการชั่วคราว เฉพาะงานที่จะมีขึ้นในระหว่างเดือน ธ.ค.2551-ก.พ.2552 รวมประมาณ 2-3 งาน ได้แก่ ที่ประเทศอิหร่าน ที่กำหนดจะเดินทางในสัปดาห์นี้ และงานที่ประเทศอินเดีย และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ ซึ่งงานทั้งหมดดังกล่าว ททท.ก็ยังไม่ได้จ่ายค่าจองสถานที่ไว้ด้วย แต่งานที่จองสถานที่ไว้แล้ว ยังยืนยันที่จะไปร่วมงาน เช่น งาน ลักส์ชัวรี่ ทราเวล มาร์ท ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นต้น
ที่ ททท.ตัดสินใจเช่นนี้ เพราะเห็นว่า ขณะนี้การไปร่วมออกงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ ขณะนี้คงไม่มีประโยชน์ เพราะต่างประเทศยังให้ความสนใจ และจดจำภาพการปิดสนามบินในประเทศไทย จึงต้องการให้สถานการณ์คลี่คลาย หรือมีการเปิดใช้สนามบินเป็นปกติก่อน
นอกจากนั้น ยังสั่งให้สำนักงานในต่างประเทศชะลอแผนการจัดทำ และติดตั้งป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ บิลบอร์ด และ โฆษณาในสื่ออื่นๆ ทุกรูปแบบออกไปก่อน โดยรอจนกว่าสถานการณ์ภายในประเทศไทยสงบลงก่อน เพื่อไม่ให้ต้องเสียงบประมาณไปโดยไม่คุ้มค่า เพราะเชื่อว่า ในช่วงนี้ แม้ประเทศไทยจะออกโฆษณาใดๆ หรือแคมเปญ ก็คงไม่มีผล ควรรอเรียกความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวกลับมาก่อนจึงค่อยทำการตลาดต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนการทำงานของ ททท.ในต่างประเทศนับจากนี้ไป คงเป็นเรื่องของการให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวมถึงชี้แจงสร้างการรับรู้ในกลุ่มบริษัทนำเที่ยวแลนักท่องเที่ยวให้ได้รับทราบว่าประเทศไทย และคนไทยได้ให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ที่รอการเดินทางกลับประเทศในช่วงปิดสนามบินอย่างไรบ้าง จากนั้นก็จะมีเรื่องของแนวทางการฟื้นฟูด้านการท่องเที่ยวเมื่อเหตุการณ์สงบ
ขณะที่ในส่วนของแผนการเดินทาง เทรดโชว์ และ โรดโชว์ จะเริ่มก็ต่อเมื่อ สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ มีรัฐบาลที่มีความมั่นคง มีแนวทางการบริหารบ้านเมืองที่ชัดเจน ภาพลักษณ์ของประเทศเริ่มดีขึ้น เพื่อให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ก่อนเดินหน้าทำการตลาดต่อไป
ทั้งนี้ ปกติช่วงฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ของทุกปี (พ.ย.-มี.ค.) จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย จะเฉลี่ยอยู่เดือนละ 900,000 คน แต่เมื่อเกิดเหตุปิดสนามบิน คาดว่า นักท่องเที่ยวจะหายไปราว 50% จากช่วงปกติ และแม้ว่าสนามบินเปิดใช้ได้ตามปกติแล้ว ก็ยังอาจทำให้นักท่องเที่ยวยังชะลอการเดินทางมาประเทศไทยอีกระยะหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวช่วงเวลาดังกล่าวหายไปได้ถึง 70% สำหรับแผนที่จะเชิญคนเชื้อสายจีนที่เป็นตระกูลแซ่ต่างๆ เข้ามาประชุมสังสรรค์ในประเทศไทย ซึ่งกรุ๊ปแรก กำหนดจะเดินทางเข้ามาในเดือน ธ.ค.ศกนี้ ก็คาดว่า เขาคงยกเลิกการเดินทางมา