ศูนย์ข่าวภูเก็ต- ผู้ว่าฯ ภูเก็ต เผยยังไม่มีการปลดคนงานในสถานประกอบการขนาดใหญ่ มีเพียงรายย่อย พร้อมสั่งการดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ-สนามบิน และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวเต็มที่ เรียกร้องให้ทุกคนเป็นเจ้าบ้านที่ดีร่วมฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว
นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวก่อนจะเดินทางไปดูแลความเรียบร้อยที่บริเวณท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งยังคงมีการเปิดให้บริการปกติโดยเฉพาะเส้นทางต่างประเทศ โดยมีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางออกไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนภายในประเทศก็เปิดให้บริการเช่นกันยกเว้นสนามบินสุวรรณภูมิกับดอนเมือง ถึงความพร้อมในการรับมือกรณีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองว่า ในส่วนของสนามบินภูเก็ตไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะได้มีการเตรียมการมาตั้งแต่รับทราบว่าจะมีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง
ทั้งนี้ ตนได้ติดตามสถานการณ์และลงพื้นที่เองตลอด และเมื่อสถานการณ์เริ่มตึงเครียดก็ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการร่วมกันวางมาตรการป้องกันรักษาสนามบินให้ดีที่สุด ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสาสมัคร และหน่วยที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ร่วมกันดูแลตลอดเวลา เพื่อป้องกันมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดกระทำการให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะขณะนี้ได้มีการใช้สนามบินภูเก็ตเพื่อการเดินทางไปต่างประเทศโดยตรง
“แม้ว่าจะเป็นการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง แต่จังหวัดภูเก็ตก็ได้รับผลกระทบบ้าง แต่ไม่ใช่ทั้ง 100% ยังคงมีทางออกอยู่ แม้จะไม่สะดวกเหมือนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ ซึ่งผู้ที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศอาจจะอึดอัดบ้างเล็กน้อย แต่ก็ได้รับความอนุเคราะห์จากทางกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยกันดูแลผู้ที่ตกค้างในด้านของที่พักในการคิดอัตราค่าพักในราคาต่ำ พร้อมอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนเที่ยวบิน ตลอดจนความสะดวกอื่นๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งได้สร้างพอใจให้นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง” นายปรีชา กล่าว
ต่อคำถามที่ว่า กลุ่มพันธมิตรฯ บอกว่าหากมีการสลายการชุมนุมก็จะมีมาตรการออกมาตอบโต้นั้น นายปรีชา กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร หากมีการสลายเพราะเป็นการที่สลายที่กรุงเทพฯ ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจะดำเนินการกันอย่างไร แต่ในส่วนของภูเก็ตก็ได้มีการดำเนินกิจกรรมตามที่เห็นสมควร และมีคณะทีมงานดูแลไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย สถานที่ราชการก็ต้องดูแลเป็นปกติอยู่แล้ว
ส่วนสนามบิน หรือบ้านพักอาศัยของบุคคลสำคัญ หรือที่สาธารณะอื่นๆ ก็มีการดูแลปกติอยู่แล้วเช่นกัน ไม่มีอะไรพิเศษ และในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบก็ต้องกำชับและให้มีการดูแลตามปกติ ไม่ใช่เมื่อเกิดเหตุขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว จึงจะมาดูแลเพราะไม่ใช่วิสัยของคนทำงาน ซึ่งจะต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
“ไม่ได้มีการขอกำลังทหารเพิ่มเติม เพียงแต่ขอให้มีการเตรียมพร้อมอยู่ ณ สถานที่ตั้ง โดยขณะนี้ใช้เฉพาะกำลังที่มีอยู่ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อฟปร. หรืออาสาสมัครในพื้นที่นั้นๆ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องของการสู้รบปรบมือกับใคร เพียงแต่ต้องรักษาสถานการณ์ให้เป็นปกติ”
นายปรีชา กล่าวถึงการฟื้นฟูภายหลังเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติว่า เรื่องของการฟื้นฟูนั้นต้องดำเนินการอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของประชาสัมพันธ์หรือโปรโมทที่ต้องทำตลอดทั้งปี ไม่ใช่ทำเป็นพิเศษ เพราเราเป็นเมืองท่องเที่ยวหากหยุดเมื่อใดก็จะสะดุด โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ก็จะต้องโหมประชาสัมพันธ์ให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการให้ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดี ซึ่งพูดมาตลอด เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าของผู้ว่าฯ เพียงลำพัง แต่ต้องเป็นความร่วมมือของคนภูเก็ตที่มีอยู่ทั้งหมดช่วยกันคนละไม้คนละมือ
เรื่องปัญหาเลิกจ้างงาน นายปรีชา กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบยังมีไม่มาก มีบ้างที่เป็นรายย่อยๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจหรือสถานประกอบการขนาดใหญ่ เพราะมีการจองห้องพักห้องพักล่วงหน้าระยะยาวประมาณ 5-6 เดือน แต่หลังจากนั้นคงต้องมาตั้งหลักกันใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ โดยอาจลดลงไปบ้างเพราะเศรษฐกิจโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยที่ประสบปัญหา จำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะลดไปประมาณ 20-25% ซึ่งผู้ประกอบการบอกว่ายังพออยู่ได้ และยังมีจังหวัดอื่นที่แย่ว่าเราอีกมาก เพราะเรามีเสน่ห์มากมาย มีนักท่องเที่ยวหลากหลาย ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่จะต้องช่วยกันรักษาสถานะเดิมของภูเก็ตให้คงไว้ เชื่อว่าน่าจะอยู่ได้
นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวก่อนจะเดินทางไปดูแลความเรียบร้อยที่บริเวณท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งยังคงมีการเปิดให้บริการปกติโดยเฉพาะเส้นทางต่างประเทศ โดยมีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางออกไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนภายในประเทศก็เปิดให้บริการเช่นกันยกเว้นสนามบินสุวรรณภูมิกับดอนเมือง ถึงความพร้อมในการรับมือกรณีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองว่า ในส่วนของสนามบินภูเก็ตไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะได้มีการเตรียมการมาตั้งแต่รับทราบว่าจะมีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง
ทั้งนี้ ตนได้ติดตามสถานการณ์และลงพื้นที่เองตลอด และเมื่อสถานการณ์เริ่มตึงเครียดก็ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในการร่วมกันวางมาตรการป้องกันรักษาสนามบินให้ดีที่สุด ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสาสมัคร และหน่วยที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ร่วมกันดูแลตลอดเวลา เพื่อป้องกันมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดกระทำการให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะขณะนี้ได้มีการใช้สนามบินภูเก็ตเพื่อการเดินทางไปต่างประเทศโดยตรง
“แม้ว่าจะเป็นการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง แต่จังหวัดภูเก็ตก็ได้รับผลกระทบบ้าง แต่ไม่ใช่ทั้ง 100% ยังคงมีทางออกอยู่ แม้จะไม่สะดวกเหมือนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ ซึ่งผู้ที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศอาจจะอึดอัดบ้างเล็กน้อย แต่ก็ได้รับความอนุเคราะห์จากทางกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยกันดูแลผู้ที่ตกค้างในด้านของที่พักในการคิดอัตราค่าพักในราคาต่ำ พร้อมอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนเที่ยวบิน ตลอดจนความสะดวกอื่นๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งได้สร้างพอใจให้นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง” นายปรีชา กล่าว
ต่อคำถามที่ว่า กลุ่มพันธมิตรฯ บอกว่าหากมีการสลายการชุมนุมก็จะมีมาตรการออกมาตอบโต้นั้น นายปรีชา กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร หากมีการสลายเพราะเป็นการที่สลายที่กรุงเทพฯ ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจะดำเนินการกันอย่างไร แต่ในส่วนของภูเก็ตก็ได้มีการดำเนินกิจกรรมตามที่เห็นสมควร และมีคณะทีมงานดูแลไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย สถานที่ราชการก็ต้องดูแลเป็นปกติอยู่แล้ว
ส่วนสนามบิน หรือบ้านพักอาศัยของบุคคลสำคัญ หรือที่สาธารณะอื่นๆ ก็มีการดูแลปกติอยู่แล้วเช่นกัน ไม่มีอะไรพิเศษ และในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบก็ต้องกำชับและให้มีการดูแลตามปกติ ไม่ใช่เมื่อเกิดเหตุขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว จึงจะมาดูแลเพราะไม่ใช่วิสัยของคนทำงาน ซึ่งจะต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
“ไม่ได้มีการขอกำลังทหารเพิ่มเติม เพียงแต่ขอให้มีการเตรียมพร้อมอยู่ ณ สถานที่ตั้ง โดยขณะนี้ใช้เฉพาะกำลังที่มีอยู่ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อฟปร. หรืออาสาสมัครในพื้นที่นั้นๆ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องของการสู้รบปรบมือกับใคร เพียงแต่ต้องรักษาสถานการณ์ให้เป็นปกติ”
นายปรีชา กล่าวถึงการฟื้นฟูภายหลังเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติว่า เรื่องของการฟื้นฟูนั้นต้องดำเนินการอยู่แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของประชาสัมพันธ์หรือโปรโมทที่ต้องทำตลอดทั้งปี ไม่ใช่ทำเป็นพิเศษ เพราเราเป็นเมืองท่องเที่ยวหากหยุดเมื่อใดก็จะสะดุด โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ก็จะต้องโหมประชาสัมพันธ์ให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการให้ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดี ซึ่งพูดมาตลอด เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าของผู้ว่าฯ เพียงลำพัง แต่ต้องเป็นความร่วมมือของคนภูเก็ตที่มีอยู่ทั้งหมดช่วยกันคนละไม้คนละมือ
เรื่องปัญหาเลิกจ้างงาน นายปรีชา กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบยังมีไม่มาก มีบ้างที่เป็นรายย่อยๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจหรือสถานประกอบการขนาดใหญ่ เพราะมีการจองห้องพักห้องพักล่วงหน้าระยะยาวประมาณ 5-6 เดือน แต่หลังจากนั้นคงต้องมาตั้งหลักกันใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ โดยอาจลดลงไปบ้างเพราะเศรษฐกิจโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยที่ประสบปัญหา จำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะลดไปประมาณ 20-25% ซึ่งผู้ประกอบการบอกว่ายังพออยู่ได้ และยังมีจังหวัดอื่นที่แย่ว่าเราอีกมาก เพราะเรามีเสน่ห์มากมาย มีนักท่องเที่ยวหลากหลาย ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่จะต้องช่วยกันรักษาสถานะเดิมของภูเก็ตให้คงไว้ เชื่อว่าน่าจะอยู่ได้