ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผอ.ททท.ภูเก็ต งัดกิจกรรมวิวาห์บ้าบ๋า ในวันวาเลนไทน์ ดึงตลาดไต้หวันเข้า พร้อมชวนผู้นำมณฑลของจีนมาเยือนจังหวัดภูเก็ต หวังสร้างความมั่นใจฟื้นการท่องเที่ยวภูเก็ต
นายเศรษฐพันฐ์ พุทธานี ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.สำนักงานภูเก็ต กล่าวถึงการแก้ปัญหาการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ขณะนี้ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานภูเก็ต ได้จัดทำแผนงานโครงการในการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ หลังจากมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น รวมทั้งการประกาศเตือนนักท่องเที่ยวประเทศต่างๆ ถึงการเดินทางมายังประเทศไทยนั้น ซึ่งการตลาดนั้นจะเน้นจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
หลังจากนี้ ทาง ททท.จะเชิญผู้นำในมณฑลต่างๆ ของจีน มาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ได้เห็นสภาพความเป็นจริงของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้นำเหล่านั้น และเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของประเทศจีน ที่มีต่อประเทศไทยในขณะนี้
นอกจากนั้น จะมีการกิจกรรมเพื่อส่งเสริมตลาด และดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มไต้หวันเข้ามาเที่ยวภูเก็ต โดยจะเชิญชวนคู่รักชาวไต้หวัน มาจัดพิธีแต่งงานบ้าบ๋า ตามแบบฉบับของชาวเพอรานากันภูเก็ต ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2552 ตรงกับวันวาเลนไทน์ โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 35,000 บาท และสามารถนำเครื่องแต่งกายกลับไปเป็นที่ระลึกได้
สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัย จะร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และตำรวจในการติดตั้งเว็บแคมอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ด้านการประสานงานในกรณีที่เกิดปัญหาต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาการใช้ภาษาในสื่อสาร โดยจะเชื่อมต่อกล้องเว็ปแคมจากบริเวณชายหาดมายังศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวโดยตรง ถือเป็นการประหยัดเวลาและการเดินทาง ในการติดต่อสื่อสาร คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้
นายเศรษฐพันธ์ ยังได้กล่าวถึงการดูแลนักท่องเที่ยวบริเวณสนามบินนานาชาติภูเก็ต ที่ยังตกค้าง เนื่องจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ว่า ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากชาวภูเก็ต และหน่วยงานราชการ โดยได้มีการจัดข้าวและแซนด์วิช รวมทั้งน้ำ ไปอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวบริเวณสนามบินภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการแสดงให่เห็นถึงความมีน้ำใจของคนไทย
ขณะที่ นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ประเทศไทยถูกนิตยสารฉบับหนึ่งจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความอันตรายติดอยู่ในอันดับ 7 เนื่องจากสภาพความไม่สงบภายในประเทศ นับเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง โดยอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวภายในจังหวัดภูเก็ตมากขึ้น จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการช่วยกันแก้ปัญหาและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อจังหวัดภูเก็ต