"โอบามา" เปิดตัวทีมศก. จันทร์นี้ ดาวโจนส์เด้งขึ้น 6% รับว่าที่ขุนคลัง

เปิดตัว "ทีมศก.โอบามา" วันจันทร์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก เมื่อวันศุกร์ ปิดพุ่งขึ้น 494.13 จุด ขานรับข่าว "กีธ์เนอร์" ปธ.เฟด สาขานิวยอร์ก เต็งนั่งเก้าอี้ขุนคลังใหม่ ขณะที่นายโอบามา อุ่นเครื่องก่อนเข้าทำงาน โดยกำลังร่างแผน 2 ปี เน้นกู้วิกฤตโดยพุ่งเป้าเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน 2.5 ล้านตำแหน่ง

วันนี้ (22 พ.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดทะยานขึ้นเกือบ 500 จุด เมื่อคืนนี้ (ตามเวลาในประเทศไทย) เนื่องจากนักลงทุนฟื้นความเชื่อมั่น หลังจากที่มีกระแสข่าวว่าที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เตรียมเสนอชื่อ นายทิโมธี กีธ์เนอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ พร้อมเปิดตัวทีมเศรษฐกิจในวันจันทร์ที่ 24 พ.ย.นี้

นายบารัค โอบามา เปิดเผยว่า ตนเองกำลังร่างแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ระยะ 2 ปี พร้อมเตือนว่า รัฐบาลจะต้องดำเนินการในทันที เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอยหนัก และราคาสินค้าร่วงลงต่อเนื่อง

นายโอบามา กล่าวในรายการวิทยุประจำสัปดาห์ เพื่อเป็นการประเมินสภาพเศรษฐกิจอย่างละเอียดนับตั้งแต่ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า หากเราไม่เร่งดำเนินการอย่างกล้าหาญ และทันทีแล้ว ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินว่า ในปีหน้าจะมีคนว่างงานเพิ่มขึ้นจำนวนหลายล้านคน

นายโอบามา ระบุอีกว่า ขณะนี้ สหรัฐกำลังเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืดที่ทวีความรุนแรงขึ้น และจะทำให้หนี้สินที่มีจำนวนมหาศาลอยู่แล้ว เพิ่มมากขึ้นอีก พร้อมระบุว่า ตนเองกำลังร่างแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะสร้างงาน 2.5 ล้านตำแหน่ง ภายในเดือน ม.ค. 2554 โดยเชื่อว่าจะมากพอที่จะรับมือกับการว่างงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ และถือเป็นข้อเสนอที่ค่อนข้างใหญ่เพราะปกติแล้วมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมักมีระยะเพียง 1 ปี

นายโอบามา ยังเปิดเผยด้วยว่า ตนเองพร้อมจะผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าที่เขาเคยเสนอเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 175,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.125 ล้านล้านบาท แต่ครั้งนี้ นายโอบามา ยังไม่ได้ระบุตัวเลขที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม นายโอบามา ในฐานะว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ได้กล่าวเตือนว่า ไม่มีหนทางที่รวดเร็วหรือง่ายดายในการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจที่ใช้เวลาก่อตัวมานานหลายปี และมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะแย่ลงอีก ก่อนจะเริ่มดีขึ้น

เจ้าหน้าที่อาวุโสของพรรคเดโมแครต แถลงเมื่อวานนี้ ( 21 พ.ย.) โดยระบุถึงว่าที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา มีแนวโน้มจะแต่งตั้ง ทิมโมธี กีธ์เนอร์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก อายุ 47 ปี มารับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง เพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังคุกคามประเทศ โดยข่าวดังกล่าว ปลุกดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเกือบ 500 จุด หรือกว่า 6% หลังจากปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ นักลงทุนยังรอฟังความชัดเจนในเรื่องนี้จากโอบามา ซึ่งจะประกาศแต่งตั้งนายทิมโมธี ที่นครชิคาโก ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้

ขณะเดียวกัน ก็มีภาพความชัดเจนมากขึ้นว่า วุฒิสมาชิกฮิลลารี คลินตัน จะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยรายงานข่าวจากนิวยอร์ก ไทม์ส รายงานล่าสุดว่า นางฮิลลารีได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์ก เพื่อเตรียมตัวเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลชุดใหม่แล้ว หลังจากที่เธอได้หารือกับโอบามาในเรื่องวิสัยทัศน์ของเขาต่อนโยบายต่างประเทศ

ด้านที่ปรึกษาของนางฮิลลารีบอกว่า เธอยังไม่ได้ตัดสินใจและยังอยู่ในระหว่างการหารือ ขณะที่ทีมของโอบาม่าบอกว่า ยังไม่มีแผนการประกาศแต่งตั้งนางฮิลลารีอย่างเป็นทางการ จนกว่าจะผ่านพ้นวันขอบคุณพระเจ้าปลายสัปดาห์หน้า

สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญอันดับสาม นายโอบาม่าได้วางตัวนายอีริค โฮลเดอร์ ที่เคยรับตำแหน่งสำคัญในกระทรวงยุติธรรมสมัยรัฐบาลบิล คลินตัน และวางตัว บิล ริชาร์ดสัน ผู้ว่ารัฐนิว เม็กซิโก เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ แทนรัฐมนตรีต่างประเทศที่เจ้าตัวหวังไว้

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับตัวขึ้น 494.13 จุด หรือ 6.54% แตะที่ 8,046.42 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 กระโดดขึ้น 47.59 จุด หรือ 6.32% แตะที่ 800.03 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเดินหน้า 68.23 จุด หรือ 5.18% แตะที่ 1,,384.35 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 2.37 พันล้านหุ้น โดยมีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

ทั้งนี้ รายงานข่าวยังระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนอย่างหนักในชั่วโมงการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับความอยู่รอดของซิตี้กรุ๊ป ธนาคารรายใหญ่อันดับสองของสหรัฐฯ (ด้านสินทรัพย์) โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลงถึง 35% ทำให้สกัดแรงบวกของหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

อย่างไรก็ดี รายงานข่าวนายไกธ์เนอร์เป็นตัวเลือกสุดท้ายของโอบามาที่จะมาแทนที่เฮนรี่ พอลสัน ได้ช่วยหนุนให้ดัชนีดีดขึ้นแข็งแกร่งในชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย และช่วยให้วอลล์สตรีทปิดในแดนบวกได้ อีกทั้งยังชดเชยดัชนีที่ดิ่งลงรุนแรงในวันพุธและวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาด้วย

นายคริส รัพคีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ ออฟ โตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ในนิวยอร์ก กล่าวว่า ข่าวนี้เข้ามาในช่วงจังหวะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กกำลังต้องการปัจจัยบวก ไกธ์เนอร์เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่จะมาช่วยนำตลาดการเงินให้หลุดพ้นจากวิกฤต