เซ็นทรัลพัฒนา เตรียมแผนช่วยเหลือร้านค้า รับปัจจัยลบกระหน่ำ ให้ส่วนลดพื้นที่เช่ากว่า 20% แล้วแต่กรณี คาดน่าจะมีประมาณ 10% ที่ต้องการความช่วยเหลือ เผยค่าก่อสร้างอาจต่ำลง เพราะวัสดุราคาลด เห็นๆ แล้ว 2 ที่ ขอนแก่น และ ชลบุรี งบลดลงรวมกว่า 1,200 ล้านบาท
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี สายงานบริหารทรัพย์สินการบริหารงานฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนรองรับสำหรับช่วยเหลือผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าของบริษัททั้งหมด หากปีหน้ามีปัจจัยลบเกิดขึ้นอีกและส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ โดยคาดว่าจะให้ส่วนลดร้านค้าประมาณ 20% ขึ้นอยู่กับทำเลและร้านค้า ซึ่งบริษัทมีเกณฑ์ในการพิจารณาอยู่แล้ว โดยเฉพาะตัวเลขยอดขายที่เกิดขึ้นจะทำให้รู้ว่า ร้านใดขายมากหรือน้อย
โดยส่วนลดค่าเช่าดังกล่าวใกล้เคียงกับช่วง 10 ปีที่แล้วที่เกิดวิกฤตทางการเงิน ซึ่งช่วงนั้นมีร้านค้าประมาณ 10% ที่ต้องให้ความช่วยเหลือ ซึ่งคาดว่าปีหน้าคงจะมีร้านค้าประมาณ 10% เช่นเดียวกันที่ต้องได้รับความช่วยเหลือในการลดค่าเช่าลง ซึ่งสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ มีพื้นที่มากซึ่งตั้งแต่เปิดมาบางโซนลดราคาไปกว่า 20-30% แล้ว ซึ่งมีเป้าหมายว่าจะหยุดการให้ส่วนลดตอนนี้แต่เมื่อมาเจอภาวะวิกฤตเศรษฐกิจไม่ดีจึงคาดว่าคงจะต้องให้ส่วนลดต่อไปอีกระยะหนึ่ง
สำหรับเซ็นทรัลเวิลด์นั้น หลังจากนี้ จะมีร้านค้าแบรนด์เนมใหญ่อีก 2-3 ราย เข้ามาเปิดร้านค้าบริการ รวมทั้งเซ็นเตอร์พ้อยท์จะเปิดช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ จะช่วยดึงคนเข้าศูนย์มากขึ้นอีก ซึ่งเซ็นทรัลเวิลด์มีพื้นที่เหลือประมาณ 20-30%
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นนี้ ในอีกแง่มุมหนึ่งก็ส่งผลดีต่อบริษัทด้วย โดยเฉพาะค่าก่อสร้างสาขาใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เพราะค่าวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กลดลงกว่า 20% เช่น สาขาชลบุรี และสาขาขอนแก่น ราคาลดลงกว่า 600 ล้านบาทต่อสาขา จากเดิมคาดว่าต้องลงทุน 3,000 ล้านบาทต่อสาขา ที่เหลือประมาณ 2,400 ล้านบาทต่อสาขาเท่านั้นเอง ส่วนสาขาอื่นที่ยังไม่เปิดประมูลก่อสร้างก็คาดว่าจะได้ราคาลดลงเช่นกัน
“ผมมองว่า วิกฤตปีนี้ ไม่น่าจะรุนแรงเท่ากับปี 2540 ที่เรียกว่า ต้มยำกุ้ง เพราะตอนนั้นคนตกงานจำนวนมากโดยเฉพาะสถาบันการเงิน แต่ครั้งนี้คนยังมีงานทำ และแบงก์ไทยเราก็ยังมีความแข็งแกร่งด้วย ส่วนปีหน้าที่มีข่าวว่าจะมีคนตกงานกว่า 1 ล้านคน ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก เพราะต้นทุน และดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวลงเช่นเดียวกับราคาน้ำมัน” นายนริศกล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปีนี้ บริษัทมีรายได้เติบโต 11.9% หรือมีรายประมาณ 2,100 ล้านบาท ส่วนภาพรวม 9 เดือนแรกเติบโต 12% มีรายได้รวม 6,400 ล้านบาท คาดว่า ปีนี้จะมีรายได้รวมอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท รวมทั้งยอดการเช่าพื้นที่ของศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นจาก 95% เป็น 97% และปริมาณลูกค้าเข้าศูนย์ทุกสาขาเพิ่มเฉลี่ย 12% ซึ่งขณะนี้ 10 สาขาที่เปิดบริการมีพื้นที่รวม 7 แสนตารางเมตร มากที่สุดคือ เซ็นทรัลเวิลด์ กว่า 3 แสนตารางเมตร ส่วนอีก 4 สาขาใหม่ที่ทยอยเปิดปีนี้และปีหน้า คือที่ แจ้งวัฒนะ พัทยา ชลบุรี ขอนแก่น จะมีพื้นที่รวมเพิ่มเป็น 1 ล้านตารางเมตร
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด กล่าวว่า ปีหน้าจะเพิ่มงบตลาดเป็น 800 ล้านบาท เพราะจะมีศูนย์ใหม่เปิดเพิ่มอีก ส่วนปีนี้ใช้ประมาณ 600 ล้านบาท และจะมีการจัดกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 1,000 กิจกรรมปีหน้า ล่าสุด ใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท จัดกิจกรรมอีก 250 งาน ในช่วงปลายปีนี้ เพื่อผลักดันให้รายได้รวมเติบโตอีก 12% ตามเป้าหมาย และปีหน้าคาดว่าเติบโต 30%
สำหรับโครงการที่ยังไม่มีความชัดเจนนั้น นายนริศ กล่าวว่า สาขาลาดพร้าวยังอยู่ขั้นตอนของการเจรจาคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ พร้อมเข้าปรับปรุงในปีนี้ด้วยงบกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนที่สวนลุมนั้นยังอยู่ระหว่างรอการส่งมอบพื้นที่ คาดว่า ต้นปีหน้าจะได้เข้าไปพัฒนาพื้นที่ได้
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี สายงานบริหารทรัพย์สินการบริหารงานฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนรองรับสำหรับช่วยเหลือผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าของบริษัททั้งหมด หากปีหน้ามีปัจจัยลบเกิดขึ้นอีกและส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ โดยคาดว่าจะให้ส่วนลดร้านค้าประมาณ 20% ขึ้นอยู่กับทำเลและร้านค้า ซึ่งบริษัทมีเกณฑ์ในการพิจารณาอยู่แล้ว โดยเฉพาะตัวเลขยอดขายที่เกิดขึ้นจะทำให้รู้ว่า ร้านใดขายมากหรือน้อย
โดยส่วนลดค่าเช่าดังกล่าวใกล้เคียงกับช่วง 10 ปีที่แล้วที่เกิดวิกฤตทางการเงิน ซึ่งช่วงนั้นมีร้านค้าประมาณ 10% ที่ต้องให้ความช่วยเหลือ ซึ่งคาดว่าปีหน้าคงจะมีร้านค้าประมาณ 10% เช่นเดียวกันที่ต้องได้รับความช่วยเหลือในการลดค่าเช่าลง ซึ่งสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ มีพื้นที่มากซึ่งตั้งแต่เปิดมาบางโซนลดราคาไปกว่า 20-30% แล้ว ซึ่งมีเป้าหมายว่าจะหยุดการให้ส่วนลดตอนนี้แต่เมื่อมาเจอภาวะวิกฤตเศรษฐกิจไม่ดีจึงคาดว่าคงจะต้องให้ส่วนลดต่อไปอีกระยะหนึ่ง
สำหรับเซ็นทรัลเวิลด์นั้น หลังจากนี้ จะมีร้านค้าแบรนด์เนมใหญ่อีก 2-3 ราย เข้ามาเปิดร้านค้าบริการ รวมทั้งเซ็นเตอร์พ้อยท์จะเปิดช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ จะช่วยดึงคนเข้าศูนย์มากขึ้นอีก ซึ่งเซ็นทรัลเวิลด์มีพื้นที่เหลือประมาณ 20-30%
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นนี้ ในอีกแง่มุมหนึ่งก็ส่งผลดีต่อบริษัทด้วย โดยเฉพาะค่าก่อสร้างสาขาใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เพราะค่าวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กลดลงกว่า 20% เช่น สาขาชลบุรี และสาขาขอนแก่น ราคาลดลงกว่า 600 ล้านบาทต่อสาขา จากเดิมคาดว่าต้องลงทุน 3,000 ล้านบาทต่อสาขา ที่เหลือประมาณ 2,400 ล้านบาทต่อสาขาเท่านั้นเอง ส่วนสาขาอื่นที่ยังไม่เปิดประมูลก่อสร้างก็คาดว่าจะได้ราคาลดลงเช่นกัน
“ผมมองว่า วิกฤตปีนี้ ไม่น่าจะรุนแรงเท่ากับปี 2540 ที่เรียกว่า ต้มยำกุ้ง เพราะตอนนั้นคนตกงานจำนวนมากโดยเฉพาะสถาบันการเงิน แต่ครั้งนี้คนยังมีงานทำ และแบงก์ไทยเราก็ยังมีความแข็งแกร่งด้วย ส่วนปีหน้าที่มีข่าวว่าจะมีคนตกงานกว่า 1 ล้านคน ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก เพราะต้นทุน และดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวลงเช่นเดียวกับราคาน้ำมัน” นายนริศกล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปีนี้ บริษัทมีรายได้เติบโต 11.9% หรือมีรายประมาณ 2,100 ล้านบาท ส่วนภาพรวม 9 เดือนแรกเติบโต 12% มีรายได้รวม 6,400 ล้านบาท คาดว่า ปีนี้จะมีรายได้รวมอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท รวมทั้งยอดการเช่าพื้นที่ของศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นจาก 95% เป็น 97% และปริมาณลูกค้าเข้าศูนย์ทุกสาขาเพิ่มเฉลี่ย 12% ซึ่งขณะนี้ 10 สาขาที่เปิดบริการมีพื้นที่รวม 7 แสนตารางเมตร มากที่สุดคือ เซ็นทรัลเวิลด์ กว่า 3 แสนตารางเมตร ส่วนอีก 4 สาขาใหม่ที่ทยอยเปิดปีนี้และปีหน้า คือที่ แจ้งวัฒนะ พัทยา ชลบุรี ขอนแก่น จะมีพื้นที่รวมเพิ่มเป็น 1 ล้านตารางเมตร
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด กล่าวว่า ปีหน้าจะเพิ่มงบตลาดเป็น 800 ล้านบาท เพราะจะมีศูนย์ใหม่เปิดเพิ่มอีก ส่วนปีนี้ใช้ประมาณ 600 ล้านบาท และจะมีการจัดกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 1,000 กิจกรรมปีหน้า ล่าสุด ใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท จัดกิจกรรมอีก 250 งาน ในช่วงปลายปีนี้ เพื่อผลักดันให้รายได้รวมเติบโตอีก 12% ตามเป้าหมาย และปีหน้าคาดว่าเติบโต 30%
สำหรับโครงการที่ยังไม่มีความชัดเจนนั้น นายนริศ กล่าวว่า สาขาลาดพร้าวยังอยู่ขั้นตอนของการเจรจาคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ พร้อมเข้าปรับปรุงในปีนี้ด้วยงบกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนที่สวนลุมนั้นยังอยู่ระหว่างรอการส่งมอบพื้นที่ คาดว่า ต้นปีหน้าจะได้เข้าไปพัฒนาพื้นที่ได้
