นายก ส.มัคคุเทศก์ เผยไกด์ได้รับงานช่วงช่วงไฮซีซันลดจากปีก่อน 50% เหตุนักท่องเที่ยวลดลง แนะรัฐออกมาตรการเก็บภาษีนักท่องเที่ยวเอาต์บาวนด์ เหมือนยุค “ป๋าเปรม” เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมเร่ง บูมคนไทยเที่ยวในประเทศ สกัดเงินไทยไหลออกนอก ขณะที่ ผอ.สำนักทะเบียนฯเล็งของบ โรดโชว์ บริการทำบัตรและจดทะเบียน หวังประชาสัมพันธ์องค์กร
นายวิโรตน์ สิตประเสริฐนันท์ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย และ กรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ไฮซีซันปีนี้มัคคุเทศก์หรือไกด์ มีจำนวนงานลดลงราว 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และจำนวนไกด์เถื่อนที่เข้ามาทำงานเฉพาะไฮซีซันมีจำนวนมาก โดยรับงานจากบริษัทนำเที่ยวที่เป็นนอมินี คาดว่า ความซบเซานี้จะยาวถึงไตรมาส 1 ปีหน้า เพราะปัจจุบันยอดจองตัวไกด์ จากเดิมที่บริษัทนำเที่ยวลดลงกว่าปีก่อนอย่างน่าเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม ในวิกฤตยังมีโอกาส ซึ่งรัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเข้มงวด ตรวจจับบริษัทนำเที่ยวที่เป็นนอมินี และขอความร่วมมือบริษัทนำเที่ยวให้เลือกใช้บริการไกด์คนไทย พร้อมจัดอบรมไกด์ไทย เพิ่มขีดความสามารถ และมีระบบจัดการไกด์นอกรีตที่เอาเปรียบนักท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เพื่อรักษาภาพลักษณ์ให้แก่อาชีพนี้ นอกจากนั้น ขอให้หน่วยงานราชการช่วยจัดสัมมนาภายในประเทศแทนการไปต่างประเทศ
ในส่วนของภาคท่องเที่ยว มีแนวคิดเสนอให้รัฐออกมาตรการโดยเก็บภาษีจากผู้ที่จะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งมาตรการนี้ เคยใช้มาแล้วสมัย พลเอกเปรม ตินสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้นประเทศก็ประสบภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจเช่นกัน ตอนนั้น เก็บภาษีสำหรับผู้เดินทางไปต่างประเทศคนละ 1,000 บาท โดยมาตรการดังกล่าว หลายประเทศก็ใช้และใช้มาถึงปัจจุบัน เช่น อินโดนีเซีย เป็นต้น
“การเก็บภาษีดังกล่าว เพื่อป้องกันการฟุ่มเฟื่อยจากการเดินทางเที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่ได้ปิดกั้นคนไทยเที่ยวต่างประเทศ แต่ผู้ที่จะไป คือ มีธุระจำเป็น หรือ มีกำลังซื้อเพียงพอ และภาษีที่เก็บได้นั้น ก็มาใช้บริหารประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจได้ด้วย” นายวิโรตน์ กล่าวและว่า ปัจจุบันไกด์ไทยที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องแล้วทั้งสิ้นมีราว 30,000 คน แต่ทำงานจริงไม่ถึง 5,000 คน เพราะกว่า 80% เป็นใบอนุญาตที่ออกให้แก่ผู้จบปริญญาตรีด้านมัคคุเทศก์ ซึ่งบางคนไม่ได้ไปประกอบอาชีพไกด์ บางคนเป็นได้แค่ซิทติ้งไกด์ เพราะไม่มีความชำนาญเพียงพอ ล่าสุด ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯอยู่ระหว่างการแก้ไขข้อกำหนดดังกล่าวอยู่
ด้าน นายธรธรณ์ ทองหอม ผู้อำนวยการ สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สำนักฯ อยู่ระหว่างการจัดทำเรื่องเพื่อยื่นของบประมาณ เพื่อใช้จัดโครงการเดินสายจัดทำบัตรมัคคุเทศก์ (ไกด์) และ จดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว ไปยังจังหวัดต่างๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว จุดประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ ให้ภาคเอกชน และ ไกด์ ได้รับรู้ว่า งานการจดทะเบียนธุรกิจและมัคุเทศก์ ได้โอนย้ายจาก ททท.มาอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงแล้ว และเพื่อรณรงค์ให้บริษัทนำเที่ยวและไกด์ เข้ามาสู่ระบบอย่างถูกกฎหมาย อีกทั้งขั้นตอนการจดทะเบียนและทำบัตร ใช้เวลาน้อย ไม่เหมือนในอดีต อย่างไรก็ตาม ยอดการจดทะเบียนบริษัทนำเที่ยว โตต่อเนื่องรวมบริษัททัวร์ในระบบมีทั้งสิ้นกว่า 8,000 บริษัท ส่วนที่ยกเลิกก็มีบ้างสลับกันไป
นายวิโรตน์ สิตประเสริฐนันท์ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย และ กรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ไฮซีซันปีนี้มัคคุเทศก์หรือไกด์ มีจำนวนงานลดลงราว 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และจำนวนไกด์เถื่อนที่เข้ามาทำงานเฉพาะไฮซีซันมีจำนวนมาก โดยรับงานจากบริษัทนำเที่ยวที่เป็นนอมินี คาดว่า ความซบเซานี้จะยาวถึงไตรมาส 1 ปีหน้า เพราะปัจจุบันยอดจองตัวไกด์ จากเดิมที่บริษัทนำเที่ยวลดลงกว่าปีก่อนอย่างน่าเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม ในวิกฤตยังมีโอกาส ซึ่งรัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเข้มงวด ตรวจจับบริษัทนำเที่ยวที่เป็นนอมินี และขอความร่วมมือบริษัทนำเที่ยวให้เลือกใช้บริการไกด์คนไทย พร้อมจัดอบรมไกด์ไทย เพิ่มขีดความสามารถ และมีระบบจัดการไกด์นอกรีตที่เอาเปรียบนักท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เพื่อรักษาภาพลักษณ์ให้แก่อาชีพนี้ นอกจากนั้น ขอให้หน่วยงานราชการช่วยจัดสัมมนาภายในประเทศแทนการไปต่างประเทศ
ในส่วนของภาคท่องเที่ยว มีแนวคิดเสนอให้รัฐออกมาตรการโดยเก็บภาษีจากผู้ที่จะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งมาตรการนี้ เคยใช้มาแล้วสมัย พลเอกเปรม ตินสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้นประเทศก็ประสบภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจเช่นกัน ตอนนั้น เก็บภาษีสำหรับผู้เดินทางไปต่างประเทศคนละ 1,000 บาท โดยมาตรการดังกล่าว หลายประเทศก็ใช้และใช้มาถึงปัจจุบัน เช่น อินโดนีเซีย เป็นต้น
“การเก็บภาษีดังกล่าว เพื่อป้องกันการฟุ่มเฟื่อยจากการเดินทางเที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่ได้ปิดกั้นคนไทยเที่ยวต่างประเทศ แต่ผู้ที่จะไป คือ มีธุระจำเป็น หรือ มีกำลังซื้อเพียงพอ และภาษีที่เก็บได้นั้น ก็มาใช้บริหารประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจได้ด้วย” นายวิโรตน์ กล่าวและว่า ปัจจุบันไกด์ไทยที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องแล้วทั้งสิ้นมีราว 30,000 คน แต่ทำงานจริงไม่ถึง 5,000 คน เพราะกว่า 80% เป็นใบอนุญาตที่ออกให้แก่ผู้จบปริญญาตรีด้านมัคคุเทศก์ ซึ่งบางคนไม่ได้ไปประกอบอาชีพไกด์ บางคนเป็นได้แค่ซิทติ้งไกด์ เพราะไม่มีความชำนาญเพียงพอ ล่าสุด ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯอยู่ระหว่างการแก้ไขข้อกำหนดดังกล่าวอยู่
ด้าน นายธรธรณ์ ทองหอม ผู้อำนวยการ สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สำนักฯ อยู่ระหว่างการจัดทำเรื่องเพื่อยื่นของบประมาณ เพื่อใช้จัดโครงการเดินสายจัดทำบัตรมัคคุเทศก์ (ไกด์) และ จดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว ไปยังจังหวัดต่างๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว จุดประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ ให้ภาคเอกชน และ ไกด์ ได้รับรู้ว่า งานการจดทะเบียนธุรกิจและมัคุเทศก์ ได้โอนย้ายจาก ททท.มาอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงแล้ว และเพื่อรณรงค์ให้บริษัทนำเที่ยวและไกด์ เข้ามาสู่ระบบอย่างถูกกฎหมาย อีกทั้งขั้นตอนการจดทะเบียนและทำบัตร ใช้เวลาน้อย ไม่เหมือนในอดีต อย่างไรก็ตาม ยอดการจดทะเบียนบริษัทนำเที่ยว โตต่อเนื่องรวมบริษัททัวร์ในระบบมีทั้งสิ้นกว่า 8,000 บริษัท ส่วนที่ยกเลิกก็มีบ้างสลับกันไป
