ผู้บริหาร ปตท.คาดปี 51 ยอดขายสูงกว่าปี 50 แต่กำไรอาจใกล้เคียง หรือต่ำกว่าไม่มาก เผยธุรกิจโรงกลั่น-ปิโตรเคมี โดนกระทบหนัก หลังราคาน้ำมันวูบเหลือ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล รมต.จี้ทบทวนราคาขาย NGV ตามต้นทุนจริง ส่วนกรณีปั๊มก๊าซมีน้อย เนื่องจากการก่อสร้างล่าช้า
วันนี้ (7 พ.ย.) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT คาดการณ์ว่า ยอดขายของกลุ่ม ปตท.ในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน แต่ในด้านผลกำไรอาจจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงหรือไม่ดีเท่าปีก่อน แต่จะไม่แตกต่างกันมากนัก เนื่องจากธุรกิจก๊าซยังเติบโตได้ดี แม้ว่าธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีจะไม่ดีนัก
“แม้การใช้น้ำมันในไตรมาส 4 จะชะลอตัวลง แต่บริษัทไม่ได้ทำแค่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ยังมีธุรกิจการขุดเจาะและสำรวจ ภาพรวมปีนี้ยังมียอดขายสูงกว่าปีก่อน ส่วนกำไรอยู่ในระดับใกล้เคียงปีที่แล้ว”
ทั้งนี้ คาดว่า ราคาน้ำมันจะเฉลี่ยอยู่ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการกลั่นแคบลงกว่าเดิม ส่วนในปีหน้าจะเป็นปีที่ยากลำบากมากกว่าปีนี้ เพราะคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง ซึ่งภาครัฐก็ต้องเร่งทำโครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะที่ผู้ประกอบการเองก็คงต้องปรับตัวด้วยการลดค่าใช้จ่ายและเลือกลงทุนในสิ่งที่จำเป็น โครงการใดที่ลงทุนไปแล้วก็ต้องรีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ส่วนที่ยังไม่ลงทุนก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่า ควรจะดำเนินการไปตามแผนงานที่กำหนดไว้หรือไม่
“เราไม่มีปัญหาด้านการเงิน ยังเดินหน้าลงทุนต่อไปตามแผน” นายประเสริฐ กล่าวสรุปทิ้งท้าย
**กระทุ้งแผนลงทุนก๊าซ-พลังงานทดแทน สวนทางราคาน้ำมัน
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ไปศึกษาราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ (เอ็นจีวี) ใหม่อีกครั้งเพื่อให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมกับประชาชน จากเดิมที่มีข้อตกลงกับ ปตท.ที่จะปรับขึ้นจาก 8.50 บาท/กก.ไปอยู่ที่ 12 บาท/กก.
สถานการณ์ความต้องการใช้ก๊าซเอ็นจีวีในปัจจุบันมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากช่วงนี้ราคาน้ำมันลดลงมาก อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมเดิมตั้งเป้าไว้ว่าในปีนี้จะส่งเสริมให้มีการใช้เอ็นจีวีประมาณ 2,400 ตันต่อวัน แต่ปัจจุบันมีการใช้ถึง 2,800 ตันต่อวัน ซึ่งถือว่าเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ และสามารถทดแทนน้ำมันได้ 5%
สำหรับการประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เห็นชอบให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ของการปลูกพืชน้ำมัน และพัฒนารูปแบบการผลิตพลังงานจากพืชแบบครบวงจรในพื้นที่ตัวอย่างเขตภาคเหนือ ปีที่ 4 โดยใช้วงเงิน 11.8 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมากองทุนอนุรักษ์ฯ มีการจัดสรรเงินให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่รวม 50 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินงาน 5 ปี (มิ.ย.48-มิ.ย.53) โดยมีวัตถุประสงค์ให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกพืชน้ำมันในภาคเหนือ เพื่อศึกษากระบวนการสกัดและแปรรูปไบโอดีเซลที่เหมาะกับชุมชน จัดทำศูนย์การเรียนรู้ ปลูกและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร
**แจงปั๊ม NGV มีน้อย เพราะก่อสร้างล่าช้า
นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการปิโตรเลียมขั้นต้น ปตท. กล่าวว่า แผนขยายสถานีบริการเอ็นจีวีล่าช้ากว่าจากเดิมเล็กน้อย โดยคาดว่า ในสิ้นปีนี้จะเปิดได้ 321 แห่ง จากเดิมตั้งเป้าไว้ 355 แห่ง เนื่องจากการก่อสร้างล่าช้า ส่วนรถขนส่ง เอ็นจีวีสามารถเพิ่มได้ตามแผน 933 คัน
ส่วนการวางท่อส่งก๊าซเอ็นจีวี 3 เส้นทาง คือ สายเหนือ สายตะวันเฉียงเหนือ และสายใต้ ที่จะใช้เงินลงทุนประมาณ 45,000-50,000 ล้านบาทนั้น อยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) คาดว่าท่อก๊าซเส้นภาคเหนือจะก่อสร้างเสร็จก่อนในปี 2554-55 ตามด้วยท่อก๊าซเส้นตะวันออกเฉียงเหนือที่จะเสร็จในปี 55 ส่วนท่อเส้นภาคใต้ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
**กุข่าวลงทุนไฟฟ้าในต่างประเทศ
มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า หนังสือพิมพ์อิสราเอล บิสซิเนส อารีนา ของประเทศอิสราเอล รายงานวานนี้ โดยอ้างแหล่งข่าวว่า ปตท.กำลังเจรจากับบริษัท Hiram Epsilon เพื่อซื้อหุ้น 20-25 % ในบริษัท Dalia Power Energies ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน หลังจากที่ ปตท.ได้ซื้อหุ้น 25% ในบริษัท East Mediterranean Gas (EMG) ในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ Hiram Epsilon ต้องการขายหุ้นใน Dalia Power จำนวนครึ่งหนึ่ง ซึ่งมีรายงานว่าบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยผู้ซื้อจนถึงขณะนี้
Dalia Power มีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 560 เมกะวัตต์ โดยมีทางเลือกที่จะขยายโรงงานดังกล่าวขึ้นเป็น 840 เมกะวัตต์ ซึ่งเท่ากับ 8% ของการผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งหมดของอิสราเอล ขณะที่โรงไฟฟ้าเอกชน แห่งนี้มีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง 400-500 ล้านดอลลาร์ และมีกำหนดเริ่มการผลิตไฟฟ้าในปี 2010
ต่อกรณีข่าวที่ว่า Hiram Epsilon ต้องการขายหุ้นใน Dalia Power โฆษก Dalia Power เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะไม่แสดงความเห็นต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้น
