บอร์ด กบง.มีมติเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ โดยเก็บเพิ่มจากแก๊สโซฮอล์ 91 จำนวน 90 ส.ต./ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 1 บ./ลิตร และดีเซล B2 เพิ่มประมาณ 50 ส.ต./ลิตร มีผลตั้งแต่พรุ่งนี้ อ้างนำเงินไปรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมันในประเทศ หลังสิ้นสุด 6 มาตรการของรัฐบาลในเดือน ม.ค.ปีหน้า พร้อมยืนยัน ไม่มีการนำเงินก้อนนี้ไปจ่ายให้ ปตท. เพื่อชดชเยการนำเข้าก๊าซแอลพีจี
วันนี้ (24 ต.ค.) นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มในส่วนของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (อี10) จำนวน 1 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (อี10) จำนวน 90 สตางค์ต่อลิตร, น้ำมันไบโอดีเซล บี2 จำนวน 50 สตางค์ต่อลิตร
ขณะที่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (อี20) ได้ปรับลดการเรียกเก็บลงจากเดิม 30 สตางค์ต่อลิตรเหลือเพียง 15 สตางค์ต่อลิตร เพื่อให้มีส่วนต่างราคาถูกกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (อี10) จูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (อี20) มากขึ้น ส่วนดีเซล บี2 จะมีการชดเชยต่อไปที่ 20 สตางค์ต่อลิตร ให้ส่วนต่างราคาห่างจาก ดีเซล บี2 ประมาณ 1 บาทต่อลิตร เพื่อให้ประชาชนหันมาใช้ น้ำมันไบโอดีเซล บี5 มากขึ้น และให้ผู้ประกอบการน้ำมันนำไบโอดีเซล บี100 มาผสมใน น้ำมันไบโอดีเซล บี5 เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันให้มีระดับราคาปาล์มน้ำมันที่เหมาะสมและลดปริมาณปาล์มน้ำมันที่ล้นตลาดอยู่ในขณะนี้
ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงปกติ ทั้งเบนซิน 91 และเบนซิน 95 เก็บตามเดิมโดยจะไม่ขยายเพดานน้ำมันอยู่ที่ 4 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปส่งผลให้จะมีเงินหมุนเวียนเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มอีก 733 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้กองทุนมีเงินรวมแล้วกว่า 3,150 ล้านบาทต่อเดือน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวอีกว่า การเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่มครั้งนี้ไม่ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับราคาขึ้นแน่นอน โดยเงินที่เรียกเก็บทั้งหมดจะนำไปรักษาเสถียรภาพน้ำมันหลังสิ้นสุด 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล ในเดือน ม.ค.ปีหน้า หลังมีการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันขึ้น เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ส่วนเงินที่ต้องจ่ายชดเชยคืนให้กับผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันจำนวน 2,300 ล้านบาท จะมีการประชุมเพื่อหางบประมาณกลางมาจ่ายคืนให้ต่อไป
ทั้งนี้ ยืนยันว่า กองทุนน้ำมันฯ จะไม่นำเงินเข้าไปชดเชยราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT จ่ายไปก่อนหน้านี้ในการนำเข้า LPG ในราคาตลาดโลกซึ่งสูงกว่าราคาจำหน่ายในประเทศ โดยวงเงินชดเชยดังกล่าว จะมาจากการปรับโครงสร้างราคา LPG ใหม่ที่จะมีการขึ้นราคาในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเท่านั้น คาดว่า จะนำเรื่องนี้ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันที่ 31 ต.ค.นี้
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมัน ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ยังมีฐานะเป็นบวก 2,800 ล้านบาท โดยมีเงินสดสุทธิ 11,242 ล้านบาท มีหนี้สิน 8,439 ล้านบาท หนี้ก้อนใหญ่ที่ต้องจ่าย อาทิ จ่ายชดเชยให้กับพลังงานทดแทน คือ แก๊สโซฮอล์ บี 5 อีก 3,700 ล้านบาท หนี้เงินชดเชยราคาจากการปรับลดภาษีสรรพสามิต 3,366 ล้านบาท หนี้เงินชดเชยการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 4 ที่ 431 ล้านบาท หนี้ชดเชยแอลพีจี 291 ล้านบาท หนี้ชดเชยน้ำมันบี 100 ที่ 52 ล้านบาท
วันนี้ (24 ต.ค.) นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มในส่วนของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (อี10) จำนวน 1 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (อี10) จำนวน 90 สตางค์ต่อลิตร, น้ำมันไบโอดีเซล บี2 จำนวน 50 สตางค์ต่อลิตร
ขณะที่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (อี20) ได้ปรับลดการเรียกเก็บลงจากเดิม 30 สตางค์ต่อลิตรเหลือเพียง 15 สตางค์ต่อลิตร เพื่อให้มีส่วนต่างราคาถูกกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (อี10) จูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (อี20) มากขึ้น ส่วนดีเซล บี2 จะมีการชดเชยต่อไปที่ 20 สตางค์ต่อลิตร ให้ส่วนต่างราคาห่างจาก ดีเซล บี2 ประมาณ 1 บาทต่อลิตร เพื่อให้ประชาชนหันมาใช้ น้ำมันไบโอดีเซล บี5 มากขึ้น และให้ผู้ประกอบการน้ำมันนำไบโอดีเซล บี100 มาผสมใน น้ำมันไบโอดีเซล บี5 เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันให้มีระดับราคาปาล์มน้ำมันที่เหมาะสมและลดปริมาณปาล์มน้ำมันที่ล้นตลาดอยู่ในขณะนี้
ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงปกติ ทั้งเบนซิน 91 และเบนซิน 95 เก็บตามเดิมโดยจะไม่ขยายเพดานน้ำมันอยู่ที่ 4 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปส่งผลให้จะมีเงินหมุนเวียนเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มอีก 733 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้กองทุนมีเงินรวมแล้วกว่า 3,150 ล้านบาทต่อเดือน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวอีกว่า การเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่มครั้งนี้ไม่ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับราคาขึ้นแน่นอน โดยเงินที่เรียกเก็บทั้งหมดจะนำไปรักษาเสถียรภาพน้ำมันหลังสิ้นสุด 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาล ในเดือน ม.ค.ปีหน้า หลังมีการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันขึ้น เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ส่วนเงินที่ต้องจ่ายชดเชยคืนให้กับผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันจำนวน 2,300 ล้านบาท จะมีการประชุมเพื่อหางบประมาณกลางมาจ่ายคืนให้ต่อไป
ทั้งนี้ ยืนยันว่า กองทุนน้ำมันฯ จะไม่นำเงินเข้าไปชดเชยราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT จ่ายไปก่อนหน้านี้ในการนำเข้า LPG ในราคาตลาดโลกซึ่งสูงกว่าราคาจำหน่ายในประเทศ โดยวงเงินชดเชยดังกล่าว จะมาจากการปรับโครงสร้างราคา LPG ใหม่ที่จะมีการขึ้นราคาในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเท่านั้น คาดว่า จะนำเรื่องนี้ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันที่ 31 ต.ค.นี้
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมัน ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ยังมีฐานะเป็นบวก 2,800 ล้านบาท โดยมีเงินสดสุทธิ 11,242 ล้านบาท มีหนี้สิน 8,439 ล้านบาท หนี้ก้อนใหญ่ที่ต้องจ่าย อาทิ จ่ายชดเชยให้กับพลังงานทดแทน คือ แก๊สโซฮอล์ บี 5 อีก 3,700 ล้านบาท หนี้เงินชดเชยราคาจากการปรับลดภาษีสรรพสามิต 3,366 ล้านบาท หนี้เงินชดเชยการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 4 ที่ 431 ล้านบาท หนี้ชดเชยแอลพีจี 291 ล้านบาท หนี้ชดเชยน้ำมันบี 100 ที่ 52 ล้านบาท