xs
xsm
sm
md
lg

"ไชยา" เมินเสียงท้วง กม.ค้าปลีก-ค้าส่ง ลั่นต้องผ่าน ครม.วันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ไชยา" ไม่สนกลุ่มทักท้วง กม.ค้าปลีก-ค้าส่ง ต้องรอบคอบ เตรียมหิ้วเข้าที่ประชุม ครม.วันนี้ นักวิชาการเตือนรัฐบาล ไม่เหมาะสม-เร่งพิจารณา ควรเปิดโอกาสทุกฝ่ายมีส่วนร่วม แนะไม่ควรปิดกั้นการลงทุนต่างชาติ คุมเข้มสุดโต่ง แนะคำนึงถึงประโยชน์ผู้บริโภค-เปิดให้มีการแข่งขันเสรี

วันนี้ (21 ต.ค.) นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอให้พิจารณา พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย ซึ่งเป็นฉบับที่ยกร่างโดยกระทรวงพาณิชย์ในสมัยที่นายเกริกไกร จีระแพทย์ เป็น รมว.พาณิชย์ และผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวาระ 1 แล้ว

ทั้งนี้ เพื่อให้ทันกับการเปิดสมัยประชุมของรัฐสภาที่จะปิดในราวเดือน พ.ย.51 เพราะหากกระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถผลักดันให้เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในสมัยประชุมนี้ เชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะไม่มีผลบังคับใช้ได้ในรัฐบาลชุดนี้อย่างแน่นอน

"กระทรวงพาณิชย์จำเป็นต้องเร่งผลักดันให้กฎหมายมีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อให้ธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กอยู่ได้ และไม่ได้รับผลกระทบจากการขยายสาขาของรายใหญ่ ยืนยันว่าไม่ได้ทำเพื่อปกป้องซัพพลายเออร์เหมือนที่หลายฝ่ายเข้าใจ แต่ต้องการจัดระเบียบการค้าปลีก ค้าส่งของไทยเท่านั้น" นายไชยา กล่าว

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า แม้จะมีหลายฝ่ายพยายามล้มล้าง พ.ร.บ.ฉบับนี้และไม่ต้องการให้ไทยมีกฎหมายดูแลค้าปลีกค้าส่งเป็นการเฉพาะ แต่ตนเองจะพยายามผลักดันให้ถึงที่สุดเพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้โดยเร็ว ที่สำคัญไม่กลัวว่าบุคคลที่ต้องการล้มล้างกฎหมายดังกล่าวจะมีอิทธิพลเพียงใด และจะล็อบบี้ใครเพื่อไม่ให้พิจารณาหรือไม่อนุมัติกฎหมายดังกล่าว

นางวัชรี วิมุกตายน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มตลาดสดได้รับผลกระทบจากการขยายสาขาของห้างค้าปลีกรายใหญ่อย่างมาก เพราะห้างค้าปลีกได้พัฒนารูปแบบการทำธุรกิจโดยหันมาเปิดเป็นตลาดสดติดแอร์ แต่ที่สำคัญมีความเชี่ยวชาญ และชั้นเชิงในการทำการตลาดอย่างมาก จึงทำให้ตลาดสดได้รับความเดือดร้อนไม่ต่างจากกลุ่มโชห่วย

ดังนั้นกรมการค้าภายในจึงได้หารือกับกลุ่มสมัชชาตลาดสดทั่วประเทศ เพื่อทำกรอบความร่วมมือร่วมกันในการพัฒนามาตรฐานสินค้า ราคา และความปลอดภัยของอาหารให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมากขึ้น โดยจะให้หน่วยงานของรัฐช่วยเหลือ ส่วนด้านราคาจะหารือกับผู้ผลิต (ซัพพลายเออร์) จัดหาสินค้าราคาถูกให้กับกลุ่มตลาดสด เพื่อให้แข่งขันกับค้าปลีกรายใหญ่ได้

สำหรับร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งฉบับสนช. มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่ง 3 ประเภท จะ ต้องขออนุญาตประกอบธุรกิจจากคณะกรรมการกำกับดูแลการค้าปลีกค้าส่ง ประกอบด้วยธุรกิจค้าปลีกค้าส่งที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 1,000 ตร.ม.ขึ้นไป ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งที่มียอดขายตั้งแต่ 1,000 ล้านบาท ขึ้นไป และธุรกิจค้าปลีกค้าส่งที่ซื้อสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาหรือสิทธิอย่างอื่น

ก่อนหน้านี้ รศ.ดร.ไพโรจน์ วงศ์วิภานนท์ นักวิจัยสถาบันวิจัยสังคมและเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แสดงความเห็นกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเร่งผลักดันกฎหมายค้าปลีกเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และควรเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณา ที่สำคัญ กฎหมายที่ออกมาไม่ควรปิดกั้นการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ หรือเป็นกฎหมายที่คุมเข้มสุดโต่ง จนทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นการลงทุน

นอกจากนี้ การพิจารณากฎหมายค้าปลีก ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ผู้บริโภคด้วย เพราะหากเกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม สุดท้ายผู้ที่ได้รับประโยชน์ คือ ผู้บริโภค ไม่ใช่ปกป้องเพียงผลประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือปิดกั้นการลงทุนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

รศ.ดร.ไพโรจน์ เสนอแนะว่า กรอบของกฎหมายอาจมีการเพิ่มเติมในรายละเอียดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายผังเมือง อาจมีการกำหนดว่าพื้นที่ไหนสามารถขยายสาขาได้ หรือไม่สามารถขยายสาขาเพิ่มเติมได้ ซึ่งอาจดูที่ความหนาแน่นของจำนวนประชากร ถ้าหากมีประชากรหนาแน่นก็อาจอนุญาตให้ขยายสาขาได้ เนื่องจากไม่กระทบกับความสามารถในการซื้อ

“เราคงต้องมาพิจารณาดูว่า พื้นที่ไหนสามารถขยายสาขา หรือเปิดใหม่ ได้หรือไม่ โดยคำนึงถึงจำนวนประชากรประกอบด้วย เพราะจำนวนประชากร มีส่วนสัมพันธ์กับดีมานด์ ถ้าประชากรน้อย ก็ไม่ควรให้ขยาย เพราะจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการโชวห่วยในท้องถิ่น” รศ.ดร.ไพโรจน์ กล่าว

รศ.ดร.ไพโรจน์ กล่าวว่า ตามหลักการแล้วรัฐบาลควรเปิดให้มีการแข่งขันอย่างเสรี โดยที่มีกรอบกติการองรับ เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบกับคนในประเทศ แต่ก็ไม่ใช่การปิดกั้นการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ และที่สำคัญ ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของผู้บริโภค

สำหรับการเปิดให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม จะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อสินค้า ยกตัวอย่างเช่น เซเว่น อิเลฟเว่น ที่มีสาขากระจายอยู่เป็นจำนวนมาก ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภค
กำลังโหลดความคิดเห็น