ผู้บริหาร ปตท.คาดราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ อาจมีการปรับลดลงอีกครั้ง ภายในสัปดาห์นี้ หลังราคาในตลาดโลกปรับลงกว่า 20 ดอลลาร์/บาร์เรล อ้างขอรอดูตลาดสิงคโปร์ก่อนตัดสินใจ ระบุ 1-15 ต.ค.ปรับลงไปแล้ว 5 ครั้ง โดยสัปดาห์นี้ ลดลงถึง 2 ครั้ง พร้อมระบุสาเหตุการปรับราคาขายปลีกในประเทศช้ากว่าตลาดโลก เพราะผู้ค้าปรับลดค่าการตลาดไม่ทัน
วันนี้ (15 ต.ค.) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าในสัปดาห์นี้บริษัทอาจจะปรับลดราคาน้ำมันลงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เพิ่งปรับลดในเช้าวันนี้ถึง 1 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลงมาแล้วกว่า 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
นายประเสริฐ ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1-15 ต.ค.นี้ ปตท.ปรับลดราคาขายปลีกไปแล้ว 5 ครั้ง โดยสัปดาห์นี้ปรับลดลง 2 ครั้ง ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะลดราคาได้อีกเท่าใด โดยขอเวลาติดตามราคาอีก 1 วัน เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ ปิดตลาดวานนี้ เพิ่มขึ้นอีก 2-3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากผู้ค้าเชื่อมั่นมาตรการของรัฐบาลสหรัฐและประเทศอื่นๆ ในยุโรป รวมทั้งกลุ่มประเทศจี 7 ในการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน
โดยค่าการตลาดเฉลี่ยน้ำมันของ ปตท.ขณะนี้อยู่ระดับกว่า 2 บาทต่อลิตร หากปรับราคาขายปลีกลงอีกจะทำให้ค่าการตลาดกลับสู่ระดับปกติ เพราะในช่วงราคาน้ำมันปรับลดลงเร็ว ผู้ค้าน้ำมันปรับลดค่าการตลาดไม่ทัน ซึ่งค่าการตลาดเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี น้ำมันทุกผลิตภัณฑ์อยู่ที่ประมาณ 1 บาทต่อลิตร และในภาพรวม ปตท.ขายน้ำมันดีเซลได้มากกว่าเบนซิน
ส่วนกรณีที่ราคาหุ้นของ PTT ที่ปรับลดลงมามากนั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า บริษัทจดทะเบียนทุกแห่งควรจะเตรียมเงินสำรองไว้เพื่อเข้าซื้อหุ้นตัวเอง ปตท.เองก็ได้เตรียมเงินสำรองไว้แล้ว พร้อมที่จะเข้าไปซื้อหุ้นคืนทุกเมื่อหากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความจำเป็น แต่ขณะนี้ก็มองว่าความวิตกต่อสถานการณ์วิกฤติสถาบันการเงินในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม ขอรอดูความชัดเจนรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับมาตรการที่รัฐบาลออกมากระตุ้นเศรษฐกิจก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องการซื้อหุ้นคืน โดยต้องพิจารณาว่ามาตรการดังกล่าวจะเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนอย่างไร รวมทั้งต้องพิจารณาถึงสภาพคล่องของบริษัทว่าจะมีจำนวนเท่าใด และในเรื่องของการเสียภาษี ซึ่งหากเป็นการคิดภาษีเฉพาะส่วนที่เป็นกำไรก็เป็นเรื่องที่สามารถยอมรับได้
นายประเสริฐ กล่าวว่า หากรัฐบาลออกประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว บริษัทก็พร้อมที่จะดำเนินการ และเชื่อว่าการที่บริษัทจะเข้าไปซื้อหุ้นตัวเองคืนไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่ต้องระวังเรื่องระยะเวลาการถือหุ้นเพราะหากเกินกำหนดจะส่งผลให้บริษัทดังกล่าวกลายสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ