เอเจนซี - ราคาน้ำมันร่วงลงเกือบ 3 ดอลลาร์ เมื่อวันอังคาร สืบเนื่องจากความกังวลว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยและการเฉื่อยชาทางอุปสงค์มีน้ำหนักมากกว่าแผนกอบกู้ภาคการเงินของรัฐบาลสหรัฐฯ และชาติยุโรป
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวลดลง 2.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงซื้อขายระหว่างวันถีบตัวสูงสูง 84.83 ดอลลาร์ ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอนงวดส่งมอบเดือนเดียวกันตกลงมา 2.93 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อุปสงค์ที่ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในสหรัฐฯ และชาติผู้บริโภครายใหญ่อื่นๆ รวมถึงวิกฤตทางการเงินที่รุนแรงมากขึ้นได้ฉุดราคาน้ำมันลงจากที่เคยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนกรกฎาคม เสริมด้วยแรงกดดันจากนักลงทุนที่เทขายน้ำมันหันไปลงทุนในตลาดอื่นที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า
สหรัฐฯ แถลงแผนอัดฉีดเงินจำนวน 250,000 ล้านดอลลาร์ ในการซื้อหุ้นของสถาบันการเงิน 9 แห่ง เพื่อช่วยระงับความปั่นป่วนในตลาดการเงิน หลังจากชาติมหาอำนาจยุโรป พร้อมใจกันอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบธนาคารเมื่อวันจันทร์ (13)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ ร่วงลง 76.62 จุด (0.82 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,310.99 จุด หลังจากเมื่อวันจันทร์ ดีดตัวขึ้นถึง 936 จุด ซึ่งถือว่าเป็นการขยับขึ้นภายในวันเดียวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์และเป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากที่สุดในรอบ 75 ปี
ตลาดแนสแด็ก ตกลง 65.24 จุด (3.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,779.01 จุด สืบเนื่องจากผลสะท้อนต่อความกังวลเกี่ยวกับผลกำไรในภาคเทคโนโลยี ขณะที่เอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลง 5.34 จุด (0.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 998.01 จุด
มาร์ก แวกโกเนอร์ ประธานของเอ็กเซลฟิวเจอร์ กล่าวว่า “ตอนนี้ผู้คนกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิต พวกเขาวิตกว่าอุปสงค์กำลังลดลง แต่ผมคิดว่ายังคงมีโอกาสดีดตัวกลับขึ้นมา และในช่วง 2 สัปดาห์ต่อจากนี้ ราคาน้ำมันอาจขยับขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากอุปสงค์ในจีนยังคงเพิ่มขึ้น”
จีน ชาติผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ในเดือนกันยายน นำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน ซึ่งนับเป็นสองเดือนติดต่อกันที่มีการนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น
กลุ่มชาติผู้ผลิตโอเปก เรียกประชุมฉุกเฉินในวันที่ 18 พฤศจิกายน เพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤตภาคการเงินที่ส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน ซึ่งมีชาติสมาชิกบางส่วนเรียกร้องให้ลดกำลังผลิตลง
