ทีวีไดเร็ค ใส่เกียร์ลุยขยายงานธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์เต็มสูบ หลังทำมานานแต่ยังโหมหนัก มุ่งเน้นจัดคอนเสิร์ตทั้งในและต่างประเทศรวมทั้งแฟมิลี่โชว์นำเข้าด้วย นำร่องปีนี้ ทุ่ม 10 ล้านบาท นำเข้าคอนเสิร์ต "ไมเคิลเลิร์นทูร็อค" จากเดนมาร์ก ส่วนปีหน้าเตรียมงบ 80 ล้านบาทพร้อมลุย จ่อนำเข้าแฟมิลี่โชว์ โธมัสแอนด์เฟรนด์
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯ จะให้ความสำคัญและการขยายงานในส่วนของภาคเอนเตอร์เทนเม้นท์มากขึ้น หลังจากที่บริษัทฯ ได้เริ่มทำมาแล้วแต่อยู่ในวงแคบเฉพาะการจัดคอนเสิร์ตศิลปินคนไทยในประเทศเท่านั้นเอง และยังไม่ได้มีบทบาทมากนัก อีกทั้งธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์ในไทยก็มีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง และการขยายงานของธุรกิจบริการด้วย
ปัจจุบันโครงสร้างธุรกิจของบริษัททีวีไดเร็คมีทั้งหมด 3 กลุ่มบิสซิเนสยูนิต คือ 1. ธุรกิจขายของ ซึ่งประกอบด้วย 3 ช่องทางหลัก คือ ทางทีวี ทางไดเร็คมาร์เก็ตติ้งและทางค้าปลีกค้าส่ง มีสัดส่วนรายได้หลักกว่า 90% ของรายได้รวมบริษัทฯ 2. ธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์ รวมทั้งอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง พีอาร์เอเจนซี่ คอนเสิร์ต เพรสคอนเฟอร์เรนจ์ อาร์ททิสแมเนเจเม้นท์ (เน โต๋-ศักดืสิทธิ์ เวชสุภาพร) และ3. ธุรกิจการให้บริการ เช่น การส่งของแล้วเก็บเงินสดทั่วประเทศ โดยสองบิสซิเนสยูนิตหลังนี้ มีสัดส่วนรายได้รวมกันแค่ 10% เท่านั้นเอง
ทั้งนี้แผนการขยายธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์จะโดยคอนเซปต์ "Entertaining People with Information" จะมีทั้งการนำเข้าคอนเสิร์ตและแฟมิลี่โชว์ต่างๆจากต่างประเทศ และการจัดคอนเสิร์ตศิลปินในประเทศ ก่อนที่จะเพิ่มงานในอนาคต ซึ่งงบประมาณลงทุนปีหน้าคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณรวมมากกว่า 50-80 ล้านบาท โดยจะลงทุนกับธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์มากที่สุด
"สำหรับการจัดคอนเสิร์ตต่างประเทศปีนี้เรานำร่องด้วยการทุ่มงบ 10 ล้านบาท จัดคอนเสิร์ตนำเข้าวง "ไมเคิลเลิร์นทูร็อค" จากประเทศเดนมาร์ก โดยได้รับการสนับสนุนจากทางสถานทูตเดนมาร์ก เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเดนมาร์กครบ 150 ปีในปีนี้ด้วย จะแสดงวันที่ 26 พ.ย .นี้ที่เมืองทองธานี บัตรราคาตั้งแต่ 1,000 - 4,000 บาท เล่นวันเดียวรอบเดียว มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ เพราะขณะนี้มีสปอนเซอร์มากกว่า 70% แล้ว คือ สปอนเซอร์หลัก 2 รายคือ ยูดีในเครือยูคอม และทรูมูฟ นอกนั้นเป็นโคสปอนเซอร์เช่น สินค้าตราเกษตร เครื่องเล่นดีวีดีเอเจ โรงแรมอะมารีเอเทีรยม เบนซ์ เป็นต้น"นายทรงพลกล่าว
นอกจากนั้นในปีหน้าคาดว่าจะมีคอนเสิร์ตศิลปินไทยอีกอย่างต่ำ 2 งานคือ โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ และศิลปินวงดูโอ แต่ยังไม่เปิดเผย และจะมีคอนเสิร์ตศิลปินต่างประเทศด้วย รวมทั้งอยู่ระหว่างการเจรจากับทางบริษัท ธีมสตาร์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลลิขสิทธิ์ เพื่อนำเข้าแฟมิลี่โชว์ของ "โธมัสแอนด์เฟรนด์" และหากสำเร็จจะถือเป็นครั้งแรกของโธมัสที่เข้ามาแสดงในไทยหรือเอเซียอย่างเต็มรูปแบบก็ว่าได้
สำหรับธุรกิจการให้บริการนั้น ก็จะขยายบทบาทมากขึ้น หลังจากทำมา 10 ปีแล้ว เพราะมีความแข็งแกร่งเรื่อง การบริหารจัดการ เส้นทางการเดินรถและบุคลากร ปัจจุบันมีศูนย์กลางขนส่ง 24 แห่ง
นายทรงพลกล่าวต่อถึงธุรกิจหลักคือ การขายสินค้าของทีวีไดเร็คว่า ถือเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งและอยู่ตัวและขยายงานไปตามปรกติ ซึ่งจะมีการนำสินค้าใหม่ๆเข้ามาจำหน่าย โดยปีหน้าจะมุ่งเน้นสินค้ากลุ่มเฮาส์โฮลด์เป็นหลัก ขณะที่ช่องทางจำหน่าย จะมีการขยายสาขาของร้านทีวีไดเร็คบ้างแต่ไม่มากนัก เน้นไปที่การเปิดสาขาในต่างจังหวัด รูปแบบสแตนด์อโลน
"ธุรกิจที่ผมทำ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกันและเป็นการขยายฐานบนพื้นฐานเดิมทั้งสิ้น การทำเอนเตอร์เทนเม้นท์ก็เช่นกัน เรามีฐานสมาชิกอยู่กว่า 857,000 คน ทั่วประเทศ ปัจจุบันคนบอกว่า ธุรกิจต้องประคองตัวหรือต้องควบคุมต้นทุนให้ดี มันก็ใช่ แต่ผมมองว่า การลดต้นทุนอย่างเดียวมันไม่ใช่ ซึ่งถ้าหากลดไม่ได้ เราต้องมองว่าเราสามารถต่อยอดหรือเพิ่มประสิทธิภาพจากของเดิมได้หรือไม่ อันนี้ถ้าทำได้สำคัญกว่า เช่น ผมต่อยอดธุรกิจการให้บริการจากฐานเดิมที่เราต้องส่งสินค้าให้กับลูกค้าอยู่แล้วหรือ การจัดคอนเสิร์ต ก็เพราะเราทำธุรกิจขายสินค้ามาจากความบันเทิงอยู่แล้ว คาแรกเตอร์เราคุณดูก็รู้เช่น โฆษณาของเรา ออกเชิงสนุกสนาน แต่มีความน่าเชื่อถือ" นายทรงพลกล่าวย้ำ
ทั้งนี้จากแผนการขยายงานดังกล่าว นายทรงพลมั่นใจว่า ในปีหน้ายอดขายรวมจะต้องเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แน่นอน แต่สัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากาการขายสินค้า ส่วนธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์จะเริ่มค่อยๆมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในอนาคต ขณะที่รายได้ปีนี้คาดว่าจะทำได้ประมาณ 1, 100 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 2% เนื่องจากมีปัจจัยลบทั้งภาวการณ์เมืองและเศรษฐกิจ ขณะที่ปีที่แล้วมีรายได้ประมาณ 950 ล้านบาท
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯ จะให้ความสำคัญและการขยายงานในส่วนของภาคเอนเตอร์เทนเม้นท์มากขึ้น หลังจากที่บริษัทฯ ได้เริ่มทำมาแล้วแต่อยู่ในวงแคบเฉพาะการจัดคอนเสิร์ตศิลปินคนไทยในประเทศเท่านั้นเอง และยังไม่ได้มีบทบาทมากนัก อีกทั้งธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์ในไทยก็มีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง และการขยายงานของธุรกิจบริการด้วย
ปัจจุบันโครงสร้างธุรกิจของบริษัททีวีไดเร็คมีทั้งหมด 3 กลุ่มบิสซิเนสยูนิต คือ 1. ธุรกิจขายของ ซึ่งประกอบด้วย 3 ช่องทางหลัก คือ ทางทีวี ทางไดเร็คมาร์เก็ตติ้งและทางค้าปลีกค้าส่ง มีสัดส่วนรายได้หลักกว่า 90% ของรายได้รวมบริษัทฯ 2. ธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์ รวมทั้งอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง พีอาร์เอเจนซี่ คอนเสิร์ต เพรสคอนเฟอร์เรนจ์ อาร์ททิสแมเนเจเม้นท์ (เน โต๋-ศักดืสิทธิ์ เวชสุภาพร) และ3. ธุรกิจการให้บริการ เช่น การส่งของแล้วเก็บเงินสดทั่วประเทศ โดยสองบิสซิเนสยูนิตหลังนี้ มีสัดส่วนรายได้รวมกันแค่ 10% เท่านั้นเอง
ทั้งนี้แผนการขยายธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์จะโดยคอนเซปต์ "Entertaining People with Information" จะมีทั้งการนำเข้าคอนเสิร์ตและแฟมิลี่โชว์ต่างๆจากต่างประเทศ และการจัดคอนเสิร์ตศิลปินในประเทศ ก่อนที่จะเพิ่มงานในอนาคต ซึ่งงบประมาณลงทุนปีหน้าคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณรวมมากกว่า 50-80 ล้านบาท โดยจะลงทุนกับธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์มากที่สุด
"สำหรับการจัดคอนเสิร์ตต่างประเทศปีนี้เรานำร่องด้วยการทุ่มงบ 10 ล้านบาท จัดคอนเสิร์ตนำเข้าวง "ไมเคิลเลิร์นทูร็อค" จากประเทศเดนมาร์ก โดยได้รับการสนับสนุนจากทางสถานทูตเดนมาร์ก เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเดนมาร์กครบ 150 ปีในปีนี้ด้วย จะแสดงวันที่ 26 พ.ย .นี้ที่เมืองทองธานี บัตรราคาตั้งแต่ 1,000 - 4,000 บาท เล่นวันเดียวรอบเดียว มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ เพราะขณะนี้มีสปอนเซอร์มากกว่า 70% แล้ว คือ สปอนเซอร์หลัก 2 รายคือ ยูดีในเครือยูคอม และทรูมูฟ นอกนั้นเป็นโคสปอนเซอร์เช่น สินค้าตราเกษตร เครื่องเล่นดีวีดีเอเจ โรงแรมอะมารีเอเทีรยม เบนซ์ เป็นต้น"นายทรงพลกล่าว
นอกจากนั้นในปีหน้าคาดว่าจะมีคอนเสิร์ตศิลปินไทยอีกอย่างต่ำ 2 งานคือ โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ และศิลปินวงดูโอ แต่ยังไม่เปิดเผย และจะมีคอนเสิร์ตศิลปินต่างประเทศด้วย รวมทั้งอยู่ระหว่างการเจรจากับทางบริษัท ธีมสตาร์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลลิขสิทธิ์ เพื่อนำเข้าแฟมิลี่โชว์ของ "โธมัสแอนด์เฟรนด์" และหากสำเร็จจะถือเป็นครั้งแรกของโธมัสที่เข้ามาแสดงในไทยหรือเอเซียอย่างเต็มรูปแบบก็ว่าได้
สำหรับธุรกิจการให้บริการนั้น ก็จะขยายบทบาทมากขึ้น หลังจากทำมา 10 ปีแล้ว เพราะมีความแข็งแกร่งเรื่อง การบริหารจัดการ เส้นทางการเดินรถและบุคลากร ปัจจุบันมีศูนย์กลางขนส่ง 24 แห่ง
นายทรงพลกล่าวต่อถึงธุรกิจหลักคือ การขายสินค้าของทีวีไดเร็คว่า ถือเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งและอยู่ตัวและขยายงานไปตามปรกติ ซึ่งจะมีการนำสินค้าใหม่ๆเข้ามาจำหน่าย โดยปีหน้าจะมุ่งเน้นสินค้ากลุ่มเฮาส์โฮลด์เป็นหลัก ขณะที่ช่องทางจำหน่าย จะมีการขยายสาขาของร้านทีวีไดเร็คบ้างแต่ไม่มากนัก เน้นไปที่การเปิดสาขาในต่างจังหวัด รูปแบบสแตนด์อโลน
"ธุรกิจที่ผมทำ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกันและเป็นการขยายฐานบนพื้นฐานเดิมทั้งสิ้น การทำเอนเตอร์เทนเม้นท์ก็เช่นกัน เรามีฐานสมาชิกอยู่กว่า 857,000 คน ทั่วประเทศ ปัจจุบันคนบอกว่า ธุรกิจต้องประคองตัวหรือต้องควบคุมต้นทุนให้ดี มันก็ใช่ แต่ผมมองว่า การลดต้นทุนอย่างเดียวมันไม่ใช่ ซึ่งถ้าหากลดไม่ได้ เราต้องมองว่าเราสามารถต่อยอดหรือเพิ่มประสิทธิภาพจากของเดิมได้หรือไม่ อันนี้ถ้าทำได้สำคัญกว่า เช่น ผมต่อยอดธุรกิจการให้บริการจากฐานเดิมที่เราต้องส่งสินค้าให้กับลูกค้าอยู่แล้วหรือ การจัดคอนเสิร์ต ก็เพราะเราทำธุรกิจขายสินค้ามาจากความบันเทิงอยู่แล้ว คาแรกเตอร์เราคุณดูก็รู้เช่น โฆษณาของเรา ออกเชิงสนุกสนาน แต่มีความน่าเชื่อถือ" นายทรงพลกล่าวย้ำ
ทั้งนี้จากแผนการขยายงานดังกล่าว นายทรงพลมั่นใจว่า ในปีหน้ายอดขายรวมจะต้องเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แน่นอน แต่สัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากาการขายสินค้า ส่วนธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์จะเริ่มค่อยๆมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในอนาคต ขณะที่รายได้ปีนี้คาดว่าจะทำได้ประมาณ 1, 100 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 2% เนื่องจากมีปัจจัยลบทั้งภาวการณ์เมืองและเศรษฐกิจ ขณะที่ปีที่แล้วมีรายได้ประมาณ 950 ล้านบาท