xs
xsm
sm
md
lg

ค้าปลีกย่อยขอนแก่น-อุดรฯต้านโลตัส -จี้"มาร์ค"ชะลอเปิดสาขาใหม่/เร่งบังคับใช้กม.ค้าปลีกฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นรับหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีแทนผู้ว่าราชการจังหวัด
ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อย พ่อค้าแม่ค้าใน 18 อำเภอ ทั้งในขอนแก่นและอุดรธานีกว่า 600 คน เดินรณรงค์ต่อต้านค้าปลีกรายใหญ่ โดยเฉพาะห้างโลตัสที่เห็นแก่ได้รุกขยายสาขาแบบหว่านแหทุกจุดที่เป็นตลาดชุมชน หวังกินรวบตลาดค้าปลีก พร้อมยื่นหนังสือถึงนายกฯมาร์ค ให้ประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่งเร็วที่สุด ก่อนผู้ประกอบรายย่อยไทยสิ้นสลาย ขณะเดียวกันจี้จังหวัดขอนแก่นหาทางช่วยเหลือเฉพาะหน้าด่วน อย่างน้อยต้องสั่งชะลอเปิดสาขาใหม่ Lotus Express

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.วันนี้(4 ส.ค.)ที่บริเวณศาลหลักเมือง จ.ขอนแก่นได้มีเจ้าของร้านค้า ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยรวมถึงบรรดาพ่อค้า แม่ค้าที่ค้าขายในตลาดสด จาก 18 อำเภอทั้งในจังหวัดขอนแก่น และบางส่วนจากจังหวัดอุดรธานีได้เดินทางมารวมตัวเพื่อชุมนุมแสดงพลังต่อต้านการขยายสาขาของห้างเทสโก้ โลตัส โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับร้านค้าปลีกรายย่อยในชุมชนท้องถิ่นที่ไปตั้งสาขา

ที่สำคัญการตั้งสาขาของเทสโก้ โลตัสในรูปของ Lotus Express นั้นเลือกที่จะไปซื้อหรือเช่าห้องแถวกลางตลาดสดย่านชุมชนใหญ่ๆทั้งในเขตเมืองระดับจังหวัดและระดับอำเภอ พื้นที่ขายไม่เกิน 300 ตารางเมตร ซึ่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารเปิดช่องให้เปิดเป็นร้านค้าปลีกได้

ต่อมาในเวลาประมาณ 10.40 น.ผู้ประกอบการร้านค้าจากอำเภอต่างๆกว่า 600 คนพร้อมถือป้ายที่เขียนข้อความหลากหลาย บ่งบอกถึงการถูกเอาเปรียบจากทุนค้าปลีกขนาดใหญ่จากต่างประเทศ และข้อความขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เดินขบวนเคลื่อนไปตามถนนศรีจันทร์ ตัดเข้าถนนกลางเมืองเข้าสู่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่นเพื่อยื่นหนังสือต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น แต่ผู้ว่าฯติดภารกิจ นายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าฯได้ลงมารับหนังสือแทน

นายศิริวัฒน์ โพธิ์ศรีเจริญกุล รักษาการแทน ประธานชมรมผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบอาชีพอิสระจังหวัดขอนแก่น และในฐานะเจ้าของร้านค้าปลีกจากอำเภอน้ำพอง เปิดเผยว่าตอนนี้ร้านค้าปลีกรายเล็กรายน้อยในจังหวัดขอนแก่นและอีกหลายพื้นที่ ต่างเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะโลตัสมีแผนที่จะขยายสาขาออกไปตั้งทั่วทุกมุมเมือง ดังนั้น จึงต้องการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลให้เร่งรัดการออกบังคับใช้ พ.ร.บ. ค้าปลีก-ค้าส่งฯลฯให้เร็วที่สุด และในระหว่างที่ยังไม่มีประกาศใช้ พ.ร.บ.ค้าปลีกค่าส่งดังกล่าว ต้องออกประกาศยับยั้งการขยายสาขา ของบริษัทค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่

ในช่วง10 ปีที่ผ่านมานายทุนค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ได้มีการเปิดสาขาทั้งใหญ่ กลางและเล็กภายในประเทศ รวมแล้วร่วม 7,000 สาขา และยังมีการขยายสาขาย่อยสู่ชุมชนท้องถิ่นในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง การรุกขยายสาขาดังกล่าว ทำให้ผู้ค้าปลีกรายย่อยทั้งหลายได้รับผลกระทบต่อการค้าขายเป็นอย่างมาก มีจำนวนไม่น้อยต้องปิดกิจการไป ทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคมเศรษฐกิจของท้องถิ่นชุมชนในทางลบอย่างรุนแรง

นายศิริวัฒน์ ระบุอีกว่าตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 43 ซึ่งบัญญัติไว้มีนัยยะสำคัญว่า “รัฐบาลจะต้องจัดระเบียบการประกอบอาชีพให้มีการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม เพื่อป้องกันการผูกขาดหรือขจัดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันทางการค้า” แต่ปัจจุบันนี้ ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยทั้งหลาย ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมในการประกอบอาชีพตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 43 เพราะผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ได้ทุ่มทุนอย่างมหาศาลเพื่อควบคุมตลาดให้ขึ้นอยู่ในอำนาจการจัดการของตนเอง จนผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยที่เป็นประชาชนส่วนมากของประเทศ ไม่สามารถประกอบอาชีพต่อไปได้

ในนามชมรมผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบอาชีพอิสระจังหวัดขอนแก่น ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการค้าปลีกและอาชีพอิสระรายย่อยของจังหวัดขอนแก่นทั้งหมด ขอความกรุณาให้นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ได้เร่งผลักดันให้มีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่ง ตามนโยบาย 99 วัน พรรคประชาธิปัตย์ทำได้ เพื่อจะได้มีการจัดระเบียบการค้าระหว่างห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ กับผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยสามารถประกอบกิจการร่วมกัน ด้วยความเอื้อประโยชน์ต่อกัน

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่งยังไม่มีผลบังคับใช้ ต้องการให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจที่มีอยู่ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยับยั้งการขยายสาขาของ ผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จนกว่า พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่งฯ จะมีผลบังคับใช้ ไม่เช่นนั้นแล้วผู้ประกอบรายย่อยที่มีอีกฐานะหนึ่ง คือ เป็นคนไทยเจ้าของประเทศคงต้องสูญสลายหายไปจากสังคมไทยอย่างแน่นอน

นายกษิดิศ แก้วอ่อนดี ตัวแทนร้านค้าปลีกจากอำเภอภูเวียง จ.ขอนแก่น เปิดเผยเพิ่มเติมว่าขณะนี้มีความชัดเจนมากในการเข้ามาขยายสาขาของทุนค้าปลีกรายใหญ่จากต่างชาติ ที่พยายามรุกหาช่องทางเข้ามาลงทุนเปิดสาขาขนาดย่อม ตามตลาดในชุมชนใหญ่ ทั่วจังหวัดขอนแก่น ไม่ว่าจะในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งมีการยื่นขออนุญาตเพื่อปรับปรุงอาคารพื้นที่ไม่เกิน 300 ตร.ม. เพื่อสร้างสาขาย่อยของห้างต่างชาติแล้ว 3 แห่ง โดยล่าสุดมีการเปิดบริการแล้ว 1 แห่งที่ตลาดบ้านดอน ซึ่งเป็นการเปิดกลางตลาดท้องถิ่น ที่ชาวบ้านไม่สามารถลุกมาต่อต้านได้ เพราะเป็นการเช่าพื้นที่กับเจ้าของตลาดเอง

นอกจากนี้ยังมีการยื่นขออนุญาตลักษณะเดียวกันในอีกหลายอำเภอ และมีการเช่าอาคารเพื่อเตรียมดำเนินการขออนุญาตปรับปรุงแบบเดียวกันอีกหลายแห่ง รวม 14 อำเภอ เนื่องจากห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ อาศัยช่วงเวลาไม่มีกฎหมายค้าปลีกเข้ามากำกับการแข่งขันธุรกิจค้าปลีกให้เป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทำการรุกขยายสาขาให้มากที่สุด โดยไม่คำนึงว่าจะเกิดผลกระทบต่อผู้ค้ารายย่อยในท้องถิ่นมากเพียงไร

ผู้ประกอบการและพ่อค้าแม่ค้า มีความจำเป็นที่ต้องออกมาต่อต้านอย่างถึงที่สุด เนื่องจากหากนิ่งเฉยปล่อยให้ทุนต่างชาติเข้ามาสู่ชุมชน และขยายไปเรื่อยๆ อาชีพค้าขายในท้องถิ่น ตลอดจนร้านค้าปลีกในชุมชนอาจต้องปิดตัวไปตามๆ กัน จึงต้องการให้ทางจังหวัดให้คำตอบที่ชัดเจนว่าจะกระทำการยับยั้ง หรือชะลอการเปิดขยายสาขาของห้างต่างชาติเพื่อช่วยเหลือผู้ค้าในชุมชนอย่างจริงจัง

ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า หลังจากรับหนังสือจากตัวแทนผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อยแล้ว นายพยัตได้ขอเวลา 2-3 วันเพื่อรอปรึกษากับ นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดก่อนว่าจะดำเนินการช่วยเหลืออย่างไรต่อไป พร้อมกันนั้นได้พยายามเชิญเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดและผังเมืองจังหวัดอธิบายระเบียบ ข้อกฎหมายเกี่ยวกับค้าปลีกให้ผู้ชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมแจ้งว่า ไม่อยากฟังการอธิบายที่เกี่ยวกับข้อกฎหมาย เพราะแต่ละคนได้ศึกษากันมาหมดแล้ว

สิ่งที่ต้องการจะให้ช่วยคือ ให้ทางจังหวัดใช้อำนาจในฐานะหน่วยงานของรัฐบาลประกาศสั่งให้ผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ทุกรายชะลอการขยายสาขาออกไปก่อน จนกว่าจะมีการประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่ง และต้องการทราบคำตอบภายในวันนี้(4 ส.ค.)เท่านั้น ไม่สามารถรอต่อไปได้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็หนักสาหัสมากพอแล้ว

ในที่สุด นายพยัต ก็ได้รับปากว่าจะนัดประชุมตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเวลา 14.00 น.ของวันนี้(4 ส.ค.)เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้ค้ารายย่อย ซึ่งทางผู้ชุมนุมก็แจ้งว่าจะรวมตัวนั่งรออยู่บริเวณศาลาไหม ด้าหน้าศาลากลางหลังเก่า จนกว่าทางจังหวัดจะได้ข้อสรุปจากที่ประชุม

สำหรับผลการประชุมล่าสุด (เวลาประมาณ 16.00น.) เบื้องต้น จังหวัดจะทำหนังสือถึงนายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต.เพื่อให้ดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนให้ครบถ้วนทุกกลุ่ม และวิเคราะห์ถึงผลดี ผลเสียและผลกระทบต่อค้าปลีก-ค้าส่งรายย่อย โดยผลการศึกษาต้องถูกต้องตามหลักวิชาการและน่าเชื่อถือ ก่อนที่จะพิจารณาอนุญาตให้ค้าปลีก ค้าส่งรายใหญ่ เปิดสาขาในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปดังกล่าว กลุ่มค้าปลีกรายย่อยยังไม่พอใจ เพราะต้องการให้จังหวัดชะลอการอนุญาค้าปบีกรายใหญ่ขยายสาขา จนกว่าจะมีพ.ร.บ.ค้าปลีกฯประกาศใช้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดกลุ่มค้าปลีกรายย่อยยังชุมนุมอยู่ที่หน้าห้องประชุม เพื่อรอคำตอบจากจังหวัด











นายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
นายศิริวัฒน์ โพธิ์ศรีเจริญกุล รักษาการณ์ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าปลีกและผู้ค้าอิสระ จังหวัดขอนแก่น

กำลังโหลดความคิดเห็น