xs
xsm
sm
md
lg

"เอฟแอนด์เอ็น" อัด500ล.ลุย Q4 ปั้นสินค้าใหม่ยันเมลามีนไม่กระทบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอฟแอนด์เอ็น ยันกระแสข่าวนมปนเปื้อนเมลามีนจากจีน ไม่ส่งผลกระทบ ไตรมาสสี่ เน้นทำตลาดแบบคอมมูนิเคชั่นมากขึ้น โชว์ 9เดือนที่ผ่านมารายได้โต20% สิ้นปีตามเป้าแน่ 15% สูงกว่าภาพรวมตลาดนม

นายสมศักดิ์ ชายะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอฟแอนด์เอ็น แดรี่ส์ ( ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมข้นหวานตราหมี และคาร์เนชั่น และผลิตภัณฑ์นมภายใต้แบรนด์ เอฟแอนด์เอ็น เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนมไทย ได้ออกมาชี้แจงและยืนยันถึงน้ำนมดิบของทางสมาชิกในสมาคมฯ ซึ่งทางเอฟแอนด์เอ็นเป็นหนึ่งในสมาชิกนี้ด้วยว่า ไม่ได้มีการนำเข้าจากจีน และนมผงจะเป็นการนำเข้าจากออสเตรเลียและเนเธอร์แลนด์ เชื่อว่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจมากขึ้น ดังนั้นเอฟแอนด์เอ็นจะเดินหน้าทำธุรกิจต่อไป

โดยในช่วงไตรมาสสี่นี้ ซึ่งเป็นฤดูกาลของการขาย เนื่องจากนมถือเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งที่จะถูกนำมาเป็นของขวัญให้กันในเทศกาลขึ้นปีใหม่นี้ ดังนั้นบริษัทฯ ได้เตรียมงบการตลาดไว้ไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาท จากงบการตลาดทั้งปี 1,000 ล้านบาท สำหรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ เอฟแอนด์เอ็น และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของไลน์สินค้าที่ดูแลอยู่ ไม่ว่าจะเป็น นมสดตราหมี ไมโลละคาร์เนชั่น รวมถึงการทำตลาดในรูปแบบคอมมูนิเคชั่น หรือมีภาพยนตร์โฆษณาและการประชาสัมพันธ์เพิ่มมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แน่นอนว่าปีนี้ประเทศไทยมีปัจจัยลบเข้ามารุมเร้าหลายด้าน รวมถึงปัญหาการเมืองที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย และยังคงต้องดูสถานการณ์กันอยู่ แต่ทางเอฟแอนด์เอ็น ยังคงมั่นใจในเรื่องของเศรษฐกิจในช่วง3เดือนสุดท้ายนี้ว่าน่าจะเป็นไปด้วยด้วยดี เพราะยังเชื่อมั่นในเรื่องยอดขายและแนวโน้มของเศรษฐกิจว่าจะส่งผลให้ทั้งปี เอฟแอนด์เอ็น จะมีรายได้เติบโตขึ้น 15% สูงกว่าภาพรวมตลาดนมปีนี้ที่คาดว่าจะโตเพียง 10% เท่านั้น

ขณะเดียวกัน ในช่วง9 เดือนที่ผ่านมา เอฟแอนด์เอ็น สามารถทำรายได้เติบโตถึง20% เกินเป้าที่วางไว้ค่อนข้างสูง ซึ่งมาจาก2ปัจจัย คือ 1.คุณภาพของสินค้า และ2.บริษัทฯมีการทำตลาดค่อนข้างมากในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาในการออกแคมเปญในสินค้าหลายโปรดักส์ เช่น ตราหมี และไมโล

ปัจจุบัน รายได้ของเอฟแอนด์เอ็น แบ่งออกได้เป็น 1. กลุ่มนมสด จากนมสดตราหมี และตรามีโกลด์ 30% 2. กลุ่มนมข้นจืดและนมข้นหวาน จากแบรนด์คาร์เนชั่น 30 % 3. กลุ่มนมยูเอชที จากแบรนด์ไมโล และตราหมียูเอชที 30 % และ 4. กลุ่มนมแช่เย็น รวมถึงน้ำผลไม้แช่เย็น จากแบรนด์ เอฟแอนด์เอ็น 10%

ทั้งนี้ในส่วนของแบรนด์คาเนชั่น จากการทำตลาด ณ จุดขาย กับร้านกาแฟรถเข็น หรือ จุดขายฮอกเกอร์ที่มีการนำป้ายไปตกแต่งให้นั้น ขณะนี้มีอัตราการเติบโต 20-30% หรือกว่า 10,000จุดทั่วประเทศ ส่วนสินค้าที่มีการปรับเป็นแบรนด์เอฟแอนด์เอ็น กำลังมีมากขึ้นเช่นเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น