ผู้จัดการรายวัน – หนองโพ ชี้ขึ้นราคานมอยู่ระหว่างเจรจากรมการค้า โอดต้องกัดฟันแบกรับภาระ 10 ล้านบาทต่อเดือน ระบุปีนี้กำไรวูบเหลือ 30 ล้านบาท จาก 39 ล้านบาท รุกหนักตลาดนมยูเอชทีรอบ 30 ปี จ่อคิวแตกไลน์ “ฟังก์ชันนัล มิลค์” ปลายปีนี้ พร้อมปัดฝุ่นบรรจุภัณฑ์ โลโก้ใหม่ หวังทะลวงกลุ่มคนรุ่นใหม่และลบภาพนมหนองโพที่เป็นนมสำหรับผู้สูงวัย สิ้นปีโต 5% กวาดรายได้ 2,400 ล้านบาท
นายกำพล รจนา ประธานสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) เปิดเผยว่า กรณีราคาน้ำนมดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตนมเพิ่มขึ้น 25% โดยกลุ่มผู้ประกอบการขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับกรมการค้าภายใน เพื่อขอปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 1 บาท จากขนาด 250 มล. ราคาเดิม 9.50 บาท ซึ่งหากพิจารณาถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นต้องปรับ 2 บาทด้วยซ้ำ โดยหากกรมการค้าภายในให้ตรึงราคาไว้ จะส่งผลให้นมหนองโพ ซึ่งมีจุดแข็งเป็นนมสดแท้ 100% ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ผลพวงดังกล่าวทำให้แม้ว่าปีนี้มีรายได้ 2,400 ล้านบาท โต 5% แบ่งเป็น ยูเอชที 1,000 ล้านบาท และพาสเจอร์ไรซ์ 1,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ แต่กำไรลดลงเหลือเป็น 30ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 39 ล้านบาท ซึ่งกรณีนี้หนองโพสามารถซื้อน้ำนมดิบได้ราคาที่ถูกกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม คาดว่าผู้ประกอบการคงไม่ได้มีการชะลอการผลิต เพราะขณะนี้น้ำนมดิบกลุ่มเกษตรกรผลิตได้ลดลง 25% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมากลุ่มเกษตกรเลิกเลี้ยงวัวนม และเกี่ยวข้องกับฤดูกาล โดยขณะนี้บริษัทได้ชะลอแผนการจำหน่ายไปในตลาดต่างประเทศ และป้อนสินค้าภายในประเทศเท่านั้น
นายกำพล กล่าวว่า แผนการตลาดจากนี้บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนานมยูเอชทีในเซกเมนต์”ฟังก์ชันนัล มิลค์” เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่ตอบสนองความต้องการได้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยพบว่าตลาดในประเทศไทยกำลังเริ่มพัฒนาเซกเมนต์ดังกล่าวมากขึ้น อาทิ เซกเมนต์นมแคลเซียมสูง แต่ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก ซึ่งนับว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการตลาดครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี จากที่ผ่านมาหนองโพจะเป็นนมพร้อมดื่มทั่วไปมากกว่า
สำหรับฟังก์ชันนัล มิลค์ กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา อาทิ การผสมกับแอลคาร์นิทิน เป็นต้น ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ โดยวางราคาสูงกว่ากลุ่มนมทั่วไป ซึ่งบริษัทมีแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่ปีละ 2 รายการ ล่าสุดได้รีแบรนด์ใหม่ โดยปรับแพกเกจจิ้งและโลโก้ใหม่ เพื่อให้มีความทันสมัยและสามารถขยายฐานกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นหรืออายุ 20 ปีขึ้นไปได้มากขึ้น จากเดิมฐานลูกค้าจะเป็นกลุ่มอายุ 30 ปีขึ้น เนื่องจากผลวิจัยพบว่า กลุ่มวัยรุ่นไม่รู้จักแบรนด์และไม่ซื้อสินค้า
พร้อมกันนี้ได้ทุ่มงบ 50-60 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยเน้นการจัดกิจกรรมโดยตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อลบภาพนมหนองโพที่เป็นนมสำหรับผู้สูงวัย และจากการรีแบรนด์ในครั้งนี้คาดว่าจะผลักดันหนองโพมีอัตราการเติบโต 5-8% ส่วนหลังจากการเปิดตัวฟังก์ชันนัล มิลค์ จะผลักดันให้มีการเติบโต 7-8% ในช่วง 5 ปีนี้ ขณะที่ส่วนแบ่งจะเพิ่มจาก 12% เป็น 18-19% รั้งอันดับ 3 ส่วนอันดับ 2 คือ ไทย เดนมาร์ค 25% และโฟร์โมสต์ 40% จากตลาดนมพร้อมดื่ม 10,000 ล้านบาท เติบโต 5%
นายกำพล รจนา ประธานสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) เปิดเผยว่า กรณีราคาน้ำนมดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตนมเพิ่มขึ้น 25% โดยกลุ่มผู้ประกอบการขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับกรมการค้าภายใน เพื่อขอปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 1 บาท จากขนาด 250 มล. ราคาเดิม 9.50 บาท ซึ่งหากพิจารณาถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นต้องปรับ 2 บาทด้วยซ้ำ โดยหากกรมการค้าภายในให้ตรึงราคาไว้ จะส่งผลให้นมหนองโพ ซึ่งมีจุดแข็งเป็นนมสดแท้ 100% ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ผลพวงดังกล่าวทำให้แม้ว่าปีนี้มีรายได้ 2,400 ล้านบาท โต 5% แบ่งเป็น ยูเอชที 1,000 ล้านบาท และพาสเจอร์ไรซ์ 1,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ แต่กำไรลดลงเหลือเป็น 30ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 39 ล้านบาท ซึ่งกรณีนี้หนองโพสามารถซื้อน้ำนมดิบได้ราคาที่ถูกกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม คาดว่าผู้ประกอบการคงไม่ได้มีการชะลอการผลิต เพราะขณะนี้น้ำนมดิบกลุ่มเกษตรกรผลิตได้ลดลง 25% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมากลุ่มเกษตกรเลิกเลี้ยงวัวนม และเกี่ยวข้องกับฤดูกาล โดยขณะนี้บริษัทได้ชะลอแผนการจำหน่ายไปในตลาดต่างประเทศ และป้อนสินค้าภายในประเทศเท่านั้น
นายกำพล กล่าวว่า แผนการตลาดจากนี้บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนานมยูเอชทีในเซกเมนต์”ฟังก์ชันนัล มิลค์” เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่ตอบสนองความต้องการได้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยพบว่าตลาดในประเทศไทยกำลังเริ่มพัฒนาเซกเมนต์ดังกล่าวมากขึ้น อาทิ เซกเมนต์นมแคลเซียมสูง แต่ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก ซึ่งนับว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการตลาดครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี จากที่ผ่านมาหนองโพจะเป็นนมพร้อมดื่มทั่วไปมากกว่า
สำหรับฟังก์ชันนัล มิลค์ กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา อาทิ การผสมกับแอลคาร์นิทิน เป็นต้น ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ โดยวางราคาสูงกว่ากลุ่มนมทั่วไป ซึ่งบริษัทมีแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่ปีละ 2 รายการ ล่าสุดได้รีแบรนด์ใหม่ โดยปรับแพกเกจจิ้งและโลโก้ใหม่ เพื่อให้มีความทันสมัยและสามารถขยายฐานกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นหรืออายุ 20 ปีขึ้นไปได้มากขึ้น จากเดิมฐานลูกค้าจะเป็นกลุ่มอายุ 30 ปีขึ้น เนื่องจากผลวิจัยพบว่า กลุ่มวัยรุ่นไม่รู้จักแบรนด์และไม่ซื้อสินค้า
พร้อมกันนี้ได้ทุ่มงบ 50-60 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยเน้นการจัดกิจกรรมโดยตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อลบภาพนมหนองโพที่เป็นนมสำหรับผู้สูงวัย และจากการรีแบรนด์ในครั้งนี้คาดว่าจะผลักดันหนองโพมีอัตราการเติบโต 5-8% ส่วนหลังจากการเปิดตัวฟังก์ชันนัล มิลค์ จะผลักดันให้มีการเติบโต 7-8% ในช่วง 5 ปีนี้ ขณะที่ส่วนแบ่งจะเพิ่มจาก 12% เป็น 18-19% รั้งอันดับ 3 ส่วนอันดับ 2 คือ ไทย เดนมาร์ค 25% และโฟร์โมสต์ 40% จากตลาดนมพร้อมดื่ม 10,000 ล้านบาท เติบโต 5%