xs
xsm
sm
md
lg

"ทีดีอาร์ไอ-หอการค้าฯ" ตำหนิ ตร.คลั่งทำร้ายผู้ชุมนุมฯ ทำลายความเชื่อมั่น-ภาพลักษณ์เสียหายป่นปี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ทีดีอาร์ไอ" ชี้ผลกระทบรัฐบาลโจรสั่งตำรวจใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมพันธมิตรฯฯ ทำลายความเชื่อมั่นของประเทศให้ทรุดหนัก เชื่อสถานการณ์ยังไม่ยุติโดยง่าย พร้อมประเมินความรุนแรง อาจขยายวงกว้างมากขึ้น "หอการค้าฯ" คาดเหตุรัฐบาลใช้ความรุนแรง ส่งผลกระทบทิศทางการลงทุนของประเทศ เศรษฐกิจไตรมาส 3-4 ชะลอตัว "ธนวรรธน์" ยอมรับกระทบต่อจิตวิทยาในเชิงลบ ตลาดหุ้นไทยขาดความเชื่อมั่น การท่องเที่ยวรับผลกระทบมากที่สุด

วันนี้ ( 7 ต.ค.) นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงหตุการณ์ความรุนแรงที่รัฐบาลได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดเสียงเพื่อสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปักหลักชุมนุมคัดค้านการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภานั้น เชื่อว่าจะกระทบกับความเชื่อมั่นของประเทศให้ลดลงไปอีก เพราะทุกฝ่ายไม่ต้องการเห็นการใช้กำลังรุนแรงสลายการชุมนุม แต่ควรยึดแนวทางในการเจรจามากกว่า ซึ่งในขณะนี้ยังไม่เห็นผล เพราะได้มีการจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ ทำให้ไม่สามารถเจรจาได้

"โดยส่วนตัวผมมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของปัญหา แต่จะต้องมีเหตุการณ์ต่อเนื่องไปอีก เพราะในขณะนี้มีการเล่นการเมืองหลายฝ่าย ทำให้เหตุการณ์ภายในประเทศย่ำแย่ลง"

ส่วนการสลายการชุมนุมเพื่อให้รัฐบาลได้แถลงนโยบายเป็นการชอบธรรมหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า มองได้หลายมุมทั้งเห็นด้วยที่ควรเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงานสักระยะหนึ่งก่อน และแก้ไขไปในแนวทางการสร้าง ส.ส.ร. 3 และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังของรัฐบาล

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงในการยิงแก๊สน้ำตา และระเบิดเสียงที่ใช้ในหน่วยสวาท เพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสเป็นจำนวนมากนั้น ส่งผลให้สถานการณ์ทางการเมืองกลับเข้าสู่วังวนเดิม และเป็นการตอกย้ำภาวะเศรษฐกิจไทยหลังจากที่เดิมคาดว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะปรับตัวดีขึ้นหลังได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อทิศทางการลงทุนของประเทศ และจะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ชะลอตัวลงได้

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ หากรัฐบาลหมดความชอบธรรมในการเจรจาเพื่อยุติปัญหากับกลุ่มพันธมิตรฯ คาดว่าจะส่งผลด้านลบต่อเศรษฐกิจ ทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง โดยเฉพาะในส่วนตลาดหุ้นและค่าเงินบาทบาทของไทย เนื่องจากตลาดหุ้นของไทยมีผลทางจิตวิทยาในเชิงลบ จากปัญหาการเงินสหรัฐฯ อยู่แล้ว โดยจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยขาดความเชื่อมั่น มีการปรับตัวลงอีกและจะลามต่อไป ส่วนที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือด้านการท่องเที่ยว รองลงมาได้แก่ ภาคการบริโภค และการลงทุนในประเทศ

ขณะที่นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ยังอยู่ในวิสัยที่ภาคเอกชนรับได้ แต่มีความเป็นห่วงว่าเหตุการณ์บานปลายไปถึงรัฐวิสาหกิจ ซึ่งอาจมีการนัดหยุดงาน เพื่อประท้วงความไม่ชอบธรรมในการสลายการชุมนุม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจอย่างแน่นอน

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวแสดงความเป็นห่วงการใช้ความรุนแรง โดยเกรงว่า สถานการณ์ขณะนี้คล้ายว่าจะบานปลายออกไป จากช่วงก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเรียบร้อยด้วยดี แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ รัฐบาลจะต้องดูแลสถานการณ์ เพื่อไม่ให้บานปลายออกไปอีก

นายสันติ กล่าวว่า ไม่อยากให้เหตุการณ์ลุกลามไปมากกว่านี้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้บริโภคให้ชะลอการจับจ่ายใช้สอยลงไปอีกจนถึงสิ้นปีนี้ และกระทบภาคธุรกิจในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น