xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นทีม ศก.สมชาย 1 ไปไม่รอด ชี้ “โอฬาร-สุชาติ” ต้องมีพี่เลี้ยงกระตุกหาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมชาย วงศ์สวัสดิ์
“ธนวรรธน์” ยอมรับ ทีม ศก.สมชาย 1 น่าเป็นห่วง เพราะมีแค่ “โอฬาร-สุชาติ” พร้อมตั้งข้อสังเกต 6 กระทรวง ศก.ยังเป็นสายการเมืองแบ่งเค้ก แนะนายกฯ เร่งหาทีมที่ปรึกษา ศก.เสริม ครม.ขี้ริ้วพ่วงขี้เหร่ หวั่นไทยหลุดประเทศน่าลงทุน

วันนี้ (25 ก.ย.) นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงทีมเศรษฐกิจของคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมชาย 1 โดยมองว่า น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีคนนอกที่ดูแลด้านเศรษฐกิจเพียงแค่ 2 คน ได้แก่ นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี และ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่วนกระทรวงเศรษฐกิจอื่นยังเป็นฝ่ายการเมือง จึงอยากแนะนำรัฐบาลว่าควรเร่งหาทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงคมนาคม เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ รวมทั้งผลักดันให้ไทยเป็นประเทศที่น่าเข้ามาลงทุน

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ตามรายงานของที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) ระบุว่า ประเทศไทยถือว่าล้าหลังเมื่อเทียบกับประเทศมาเลเซีย โดยปีนี้ไทยไม่ติด 1 ใน 15 ประเทศที่น่าลงทุนของโลก แพ้ ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย เพราะที่ผ่านมาไทยไม่มีกลยุทธ์โดดเด่นที่จะให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนและมีปัญหาการเมือง

ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องมีการวางกลยุทธ์ผลักดันให้ไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน โดยระยะเวลาที่เหลือปีนี้จะต้องมีความชัดเจนในเรื่องโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (เมกะโปรเจกต์) ควรจะประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ว่าไทยมีการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน ซึ่งจะเป็นเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลจะต้องผนึกกำลังและสร้างกลยุทธ์จูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน เพื่อจะได้วางกรอบเศรษฐกิจไทยปีหน้าว่าจะเติบโตอย่างไร

สำหรับภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย เชื่อว่า จะไม่ได้เป็นตัวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหมือนที่ผ่านมา โดยทั้งหมดเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่เป็นประเทศหลักของไทย อาทิ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และยุโรป มีการชะลอตัวลงเป็นอย่างมาก คิดเป็นสัดส่วนตลาดรวมของไทยสูงถึงร้อยละ 36 ทั้งนี้ คาดว่า GDP หรืออัตราทางเศรษฐกิจของยุโรปจะลดลงจากร้อยละ 1.7 ในปีนี้ เหลือเพียงร้อยละ 1.3 ในปีหน้า ขณะที่ GDP ของสหรัฐฯนั้น คาดว่า จะลดลงจากปีนี้ร้อยละ 1 เหลือเพียงร้อยละ 0.6 ในปีหน้าเท่านั้น

นายธนวรรธน์ ยังกล่าวเสริมว่า การส่งออกของไทยในปีหน้า จะขยายตัวได้เพียงหลักเดียว หรืออยู่ที่ประมาณร้อยละ 8-10 เท่านั้น โดย GDP ของไทยในปี 2552 หากสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่คลี่คลาย ก็น่าจะอยู่ในระดับร้อยละ 4-4.5 ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดค่าเงินอ่อนหรือแข็งจนเกินไปด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น