xs
xsm
sm
md
lg

กิฟฟารีนชะลอศูนย์บริการ ชี้เอสเอ็มอีแห่สมัครขายตรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิฟฟารีน จ่อคิวปี 53 ดันรายได้บรรลุเป้า 5,000 ล้านบาท หลังผุดโรงงาน รับขยายตัวในและต่างประเทศ และรับจ้างผลิต ลั่นแผนปีหน้ารับมือวิกฤตเศรษฐกิจ หวั่นวิกฤตการเงินอเมริกากระทบความเชื่อมั่น ชูโมเดลการทำตลาดลดสินค้าราคาสูง-เน้นสินค้าสอดรับกำลังซื้อแทน สิ้นปีโต 10% กวาด 4.3 พันล้านบาท

แพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงกิฟฟารีน เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯจะชะลอการขยายศูนย์บริการ 2-3 แห่ง มูลค่าลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีและปัญหาการเมือง รวมทั้งวิกฤติโลก
หลังจากบริษัทได้ทุ่มงบ 700 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งที่ 2 ที่ นวนคร โดยมีกำลังการผลิต 20 ล้านชิ้นต่อเดือน เพิ่มขึ้น 10 เท่าจากโรงงานเดิมผลิต 5 ล้านชิ้นต่อเดือน รองรับยอดจำหน่าย 2 หมื่นล้านบาทต่อปี และรองรับกำลังการผลิตได้ 9-10 ปี ทั้งนี้ การจากสร้างโรงงานดังกล่าว จะผลักดันให้ยอดขายกิฟฟารีนบรรลุเป้าหมาย 5,000 ล้านบาท ในปี 2553 หรือมีการเติบโต 15-20% อย่างต่อเนื่อง โดยมาจากการขยายธุรกิจภายในประเทศ ต่างประเทศ และการรับจ้างผลิต

การเปิดโรงงานครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนตอกย้ำด้วยการสร้างความเชื่อมั่น ว่า สินค้าแบรนด์ไทยไม่แพ้ใครในโลก ทั้งการทำตลาดภายในประเทศ ซึ่งเป็นสัดส่วน 95% ของรายได้ หรือการขยายตลาดต่างประเทศ ทั้งแบรนด์กิฟฟารีน และ แพททรีนา ซึ่งกำลังเจรจากับดิสทริบิวเตอร์ 5-6 ประเทศ และยังมีอีกหลายประเทศที่ไม่ได้เซ็นสัญญาดิสทริบิวเตอร์ แต่มีการนำสินค้าไปจำหน่าย อาทิ รัสเซีย และเซาท์แอฟริกา ฯลฯ จากปัจจุบันส่งออกไป 30 ประเทศ ทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกา มีสัดส่วนรายได้ 5% และตั้งเป้าโต 200% ในแง่มูลค่า อีกทั้งการเปิดโรงงานใหม่ยังทำบริษัทรับจ้างผลิตสินค้าให้แบรนด์ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้น

“จากวิกฤตการณ์ทางการเงินอเมริกา คาดว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงของบริษัท แต่อาจกระทบต่อจิตวิทยาของผู้บริโภค ความมั่นใจลดลง ทำให้มีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยผลประโยชน์โดยอ้อม อาจทำให้ผู้ที่ต้องการหารายได้เสริมเข้าสู่ระบบธุรกิจขายตรงมากขึ้น ขณะนี้เริ่มมีผู้ที่สนใจเป็นนักธุรกิจขายตรงจากเอสเอ็มอีมากขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ทำให้บริษัทกังวลยังคงเป็นสถานการณ์การเมืองที่ไม่นิ่งมากกว่าปัจจัยลบด้านอื่นๆ”

แพทย์หญิงนลินี กล่าวถึงแผนการตลาดในปีหน้าเพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยบริษัทจะโฟกัสนักธุรกิจ ผู้ประกอบการอิสระให้มากขึ้น พิจารณาสภาพแวดล้อมทั้งปัจจัยลบและบวก เพื่อปรับเปลี่ยนการทำตลาดได้อย่างรวดเร็วรองรับกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอด เช่น กรณีผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับใช้สอย มุ่งเน้นการเปิดตัวสินค้าที่สอดคล้องกับกำลังซื้อ ลดสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูง และลดต้นทุนการผลิตด้วยการปรับแพกเกจจิง แต่ยังคงคุณภาพสินค้าไว้ โดยในปีหน้านี้บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโต 10%

สำหรับผลประกอบการในช่วง 8 เดือน มีอัตราการเติบโต 10.55% อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสสุดท้าย บริษัทได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ 2 คือ จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา และ อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์ ซึ่งบริษัทไม่ได้คาดว่าในแง่ของยอดขายในช่วงปลายปีนี้มากนัก เนื่องจากกำลังการซื้อของผู้บริโภคหดตัว ทั้งนี้ในสิ้นปีนี้ผลประกอบการของบริษัทตั้งเป้าหมายมีอัตราการเติบโต 10% หรือราว 4,300 ล้านบาท ส่วนยอดสมาชิกพุ่งขึ้นมากกว่า 4.5 ล้านรหัส เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 3,900 ล้านบาท เติบโต 18%
กำลังโหลดความคิดเห็น