เอสแอนด์พี ยันยังไม่มีแผนเพิ่มแบรนด์ร้านอาหาร แต่มุ่งเน้นขยายสาขาของเดิมและต่อยอดธุรกิจจากแบรนด์เดิม ล่าสุดดัน “พาทิโอ และ วะนิลา” รุกตลาดแคเธอริง ส่วนตลาดอาหารแช่แข็งผนึกพันธมิตรใหม่ เทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรส ขยายจุดจำนหน่ายเพิ่มขึ้น
นายวิฑูรย์ ศิลาอ่อน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอส แอนด์พี ซินดิเคต จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหาร เบเกอรี่ แบรนด์ เอสแอนด์พี เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่มีแผนที่จะเปิดร้านอาหารแบรนด์ใหม่ในขณะนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีหลายแบรนด์แล้ว และสามารถตอบสนองกลุ่มเป้าหมายได้อย่างดี แต่มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้น รวมทั้งการต่อยอดและขยายธุรกิจให้กับแบรนด์เดิมที่มีอยู่เป็นหลักมากกว่า ซึ่งถือเป็นการขยายธุรกิจและสร้างแบรนด์ไปในตัวด้วย
ปัจจุบันบริษัทมีร้านอาหารแบรนด์ เอสแอนด์พี ประมาณ 280 สาขา รวมเบเกอรี่และบลูคัพด้วย ร้านอาหารวะนิลา 4 สาขา ร้านอาหารภัทรา 1 สาขา ร้านอาหารพาทิโอ 1 สาขา และร้านแกรนด์ซีไซด์ศรีราชา 1 สาขา ในไทย ส่วนในต่างประเทศมีร้านภัทราหลายประเทศเช่นที่ ลอนดอน สิงคโปร์ สวิส เป็นต้น
สำหรับแผนต่อยอดธุรกิจของแบรนด์ คือ การทำธุรกิจรับจัดเลี้ยง หรือ แคเธอริง ซึ่งนำ 2 แบรนด์ใหม่ คือ พาทิโอ กับ วะนิลา จากเดิมที่ใช้เอสแอนด์พีแต่ไม่ได้เน้นมากนัก ซึ่งสองแบรนด์นี้จะเน้นหนักมากขึ้น โดยเจาะกลุ่มบริษัท องค์กรต่างๆ รวมทั้งการทำแบบนิชมาร์เก็ตด้วย โดยเฉพาะกลุ่มไฮโซ ซึ่งการทดลองที่ผ่านมาได้ผลตอบรับค่อนข้างดี
ส่วนการขยายสาขานั้น ปีนี้ และปีหน้า ก็มีต่อเนื่อง ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ผู้บริหารของเอสแอนด์พี เคยกล่าวว่า จะเปิดสาขาใหม่รวมเฉลี่ย 30 สาขาต่อปี ใช้งบ 150 ล้านบาท มุ่งเน้นตลาดต่างจังหวัด ล่าสุด จะเปิดร้านวะนิลาที่เซ็นทรัลเวิลด์ จากเดิมมี 4 สาขา ส่วนต่างประเทศทุ่มงบ 70 ล้านบาท ร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นจีน 20 ล้านบาท และที่ญี่ปุ่น 50 ล้านบาท ปัจจุบันมีสาขารวมกว่า 20 สาขาในต่างประเทศ ที่ อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ไต้หวัน
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อในส่วนของอาหารแช่แข็ง ว่า ตลาดรวมเติบโตอย่างมากกว่า 10% จากตลาดรวมกว่า 10,000 ล้านบาท เพราะไลฟ์สไตล์ของคนไทยเปลี่ยนไป ต้องการความสะดวกมากขึ้น บริษัทจึงมีแผนรุกตลาดมากขึ้นโดยเฉพาะการหาช่องทางใหม่ๆและการสร้างแบรนด์อย่างเต็มที่มากกว่าอดีต ล่าสุดได้ใช้งบเพื่อโฆษณาในรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดิน
ขณะเดียวกัน ล่าสุด ได้ขยายช่องทางจำหน่ายใหม่เข้าสู่ร้านเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรสไม่นานนี้ทำให้ขยายฐานตลาดได้กว้างขึ้น จากเดิมที่มีในโมเดิร์นเทรดหลายแห่งแล้วยกเว้นในเซเว่นอีเลฟเว่น ส่วนการออกเมนูใหม่นั้นจะมีต่อเนื่องเช่นกันเฉลี่ยปีละ 10 เมนู (คาว 8 และ หวาน 2 ) ซึ่งปัจจุบันมีรวมกว่า 50 เมนู ทั้งคาวและหวาน และได้ปรับราคาขึ้นมาเล็กน้อย 4-5 บาทาต่อกล่องเพราะต้นทุนสูงขึ้น โดยมีราคาที่ 59 บาท 65 บาท และ 69 บาท
ล่าสุด เทศกาลกินเจได้ออกเมนูมา 4 เมนู เป็นเก่า 2 เมนูยืนพื้นทุกปี คือ บะหมี่ผัดเจ และ ข้าวกะเพราเจ ส่วนเมนูใหม่ คือ ข้าวผัดสี่สหายเจ และข้าวแกงเขียวหวานเจ มั่นใจว่าในช่วงเทศกาลกินเจนี้จะมียอดขายที่สูงขึ้นกว่าเดิม
สำหรับบัตรจอยการ์ด ซึ่งออกเมื่อปลายปีที่แล้ว ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรมากกว่า 158,000 รายแล้ว เป็นบัตรที่ให้ส่วนลดและสะสมแต้มสำหรับสมาชิก เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้ริโภคและเป็นการสร้างแบรนด์ด้วย
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า แม้สภาพเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีไม่ค่อยดี แต่บริษัทก็ยังไม่ได้ปรับลดเป้าการเติบโตลงแต่อย่างใด จากเดิมที่วางไว้ 14%
นายวิฑูรย์ ศิลาอ่อน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอส แอนด์พี ซินดิเคต จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหาร เบเกอรี่ แบรนด์ เอสแอนด์พี เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่มีแผนที่จะเปิดร้านอาหารแบรนด์ใหม่ในขณะนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีหลายแบรนด์แล้ว และสามารถตอบสนองกลุ่มเป้าหมายได้อย่างดี แต่มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้น รวมทั้งการต่อยอดและขยายธุรกิจให้กับแบรนด์เดิมที่มีอยู่เป็นหลักมากกว่า ซึ่งถือเป็นการขยายธุรกิจและสร้างแบรนด์ไปในตัวด้วย
ปัจจุบันบริษัทมีร้านอาหารแบรนด์ เอสแอนด์พี ประมาณ 280 สาขา รวมเบเกอรี่และบลูคัพด้วย ร้านอาหารวะนิลา 4 สาขา ร้านอาหารภัทรา 1 สาขา ร้านอาหารพาทิโอ 1 สาขา และร้านแกรนด์ซีไซด์ศรีราชา 1 สาขา ในไทย ส่วนในต่างประเทศมีร้านภัทราหลายประเทศเช่นที่ ลอนดอน สิงคโปร์ สวิส เป็นต้น
สำหรับแผนต่อยอดธุรกิจของแบรนด์ คือ การทำธุรกิจรับจัดเลี้ยง หรือ แคเธอริง ซึ่งนำ 2 แบรนด์ใหม่ คือ พาทิโอ กับ วะนิลา จากเดิมที่ใช้เอสแอนด์พีแต่ไม่ได้เน้นมากนัก ซึ่งสองแบรนด์นี้จะเน้นหนักมากขึ้น โดยเจาะกลุ่มบริษัท องค์กรต่างๆ รวมทั้งการทำแบบนิชมาร์เก็ตด้วย โดยเฉพาะกลุ่มไฮโซ ซึ่งการทดลองที่ผ่านมาได้ผลตอบรับค่อนข้างดี
ส่วนการขยายสาขานั้น ปีนี้ และปีหน้า ก็มีต่อเนื่อง ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ผู้บริหารของเอสแอนด์พี เคยกล่าวว่า จะเปิดสาขาใหม่รวมเฉลี่ย 30 สาขาต่อปี ใช้งบ 150 ล้านบาท มุ่งเน้นตลาดต่างจังหวัด ล่าสุด จะเปิดร้านวะนิลาที่เซ็นทรัลเวิลด์ จากเดิมมี 4 สาขา ส่วนต่างประเทศทุ่มงบ 70 ล้านบาท ร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นจีน 20 ล้านบาท และที่ญี่ปุ่น 50 ล้านบาท ปัจจุบันมีสาขารวมกว่า 20 สาขาในต่างประเทศ ที่ อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ไต้หวัน
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อในส่วนของอาหารแช่แข็ง ว่า ตลาดรวมเติบโตอย่างมากกว่า 10% จากตลาดรวมกว่า 10,000 ล้านบาท เพราะไลฟ์สไตล์ของคนไทยเปลี่ยนไป ต้องการความสะดวกมากขึ้น บริษัทจึงมีแผนรุกตลาดมากขึ้นโดยเฉพาะการหาช่องทางใหม่ๆและการสร้างแบรนด์อย่างเต็มที่มากกว่าอดีต ล่าสุดได้ใช้งบเพื่อโฆษณาในรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดิน
ขณะเดียวกัน ล่าสุด ได้ขยายช่องทางจำหน่ายใหม่เข้าสู่ร้านเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรสไม่นานนี้ทำให้ขยายฐานตลาดได้กว้างขึ้น จากเดิมที่มีในโมเดิร์นเทรดหลายแห่งแล้วยกเว้นในเซเว่นอีเลฟเว่น ส่วนการออกเมนูใหม่นั้นจะมีต่อเนื่องเช่นกันเฉลี่ยปีละ 10 เมนู (คาว 8 และ หวาน 2 ) ซึ่งปัจจุบันมีรวมกว่า 50 เมนู ทั้งคาวและหวาน และได้ปรับราคาขึ้นมาเล็กน้อย 4-5 บาทาต่อกล่องเพราะต้นทุนสูงขึ้น โดยมีราคาที่ 59 บาท 65 บาท และ 69 บาท
ล่าสุด เทศกาลกินเจได้ออกเมนูมา 4 เมนู เป็นเก่า 2 เมนูยืนพื้นทุกปี คือ บะหมี่ผัดเจ และ ข้าวกะเพราเจ ส่วนเมนูใหม่ คือ ข้าวผัดสี่สหายเจ และข้าวแกงเขียวหวานเจ มั่นใจว่าในช่วงเทศกาลกินเจนี้จะมียอดขายที่สูงขึ้นกว่าเดิม
สำหรับบัตรจอยการ์ด ซึ่งออกเมื่อปลายปีที่แล้ว ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรมากกว่า 158,000 รายแล้ว เป็นบัตรที่ให้ส่วนลดและสะสมแต้มสำหรับสมาชิก เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้ริโภคและเป็นการสร้างแบรนด์ด้วย
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า แม้สภาพเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีไม่ค่อยดี แต่บริษัทก็ยังไม่ได้ปรับลดเป้าการเติบโตลงแต่อย่างใด จากเดิมที่วางไว้ 14%