xs
xsm
sm
md
lg

หัวม้าลายเล็งขยายตลาดส่งออก ตั้งเป้ายอดขายเติบโตปีหน้า 10%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หัวม้าลายประกาศขยายตลาดส่งออกลดความเสี่ยง หลัง เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย เหตุการแข่งขันตลาดต่างประเทศรุนแรงจึงต้องหาตลาดใหม่ เพื่อรักษาอัตราเติบโตปีละ 10%

นายเอกชัย ยังวาณิช รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เสถียรสเตนเลสสตีล จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดเครื่องครัวตราหัวม้าลาย เปิดเผยว่า จากการล้มละลายของวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ อันดับ 4 ของอเมริกา อย่าง เลห์แมน บราเธอร์ส ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการดำเนินงานใหม่ ทั้งในแง่ของการลงทุนและแผนด้านการตลาด เนื่องจากกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงไทยด้วย ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกา ที่คาดว่ากำลังซื้อจะลดลงอย่างมาก

ปัจจุบันบริษัทส่งออกไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ทั้ง เอเชีย สวิส เยอรมนี ยุโรป และอเมริกา คิดเป็นสัดส่วน 30% ของยอดขาย 1,200 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา โดยมีตลาดหลักอยู่ที่เอเชีย ทั้งนี้ บริษัทส่งออกไปยังอเมริกาไม่มากนัก แต่เนื่องจากตลาดในอเมริกาเป็นตลาดที่ใหญ่ และคาดว่า ในปีหน้าตลาดจะหดตัวอย่างรุนแรงจะทำให้ผู้ผลิตรายอื่นจากทั่วโลกที่ส่งสินค้าไปขายในอเมริกาจะต้องหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปจากการทำตลาดในอเมริกา ซึ่งจะทำให้การแข่งขันในตลาดต่างประเทศรุนแรงขึ้น และกระทบต่อการทำตลาดของบริษัทโดยตรง

อย่างไรก็ตาม จากความแข็งแกร่งของแบรนด์หัวม้าลาย ประกอบกับปีนี้บริษัทได้รับรางวัลผู้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานระดับสากลจากการประกวดโครงการ PM’S Award จากกรมส่งเสริมการส่งออกกระทรวงพาณิชย์ จะทำให้สินค้าได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้น และคาดว่าจะทำให้ปีนี้และปีหน้าบริษัทสามารถรักษาอัตราการเติบโตไว้ได้เช่นเดิม โดยในช่วง3-4 ปีที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตปีละ 10%

“บริษัทมีแผนไป Road Show สินค้าในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ และรักษาฐานลูกค้าเดิม ซึ่งการไป Road Show ส่วนใหญ่ไปพร้อมกับกรมส่งเสริมการส่งออกที่เป็นแกนนำในการนำผู้ผลิตจากไทยไปร่วมงานเอ็กซิบิชันในต่างประเทศ ซึ่งการไปร่วมงานแสดงสินค้าพร้อมกับกรม มีข้อดีในแง่ของได้รับการการันตีจากรัฐบาลไทยว่าบริษัทเป็นผู้ผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานระดับสากล และยังเสียค่าใช่จ่ายน้อย ซึ่งทุกครั้งที่ไปแสดงสินค้าจะมียอดสั่งซื้อกลับมาทุกครั้ง” นายเอกชัย กล่าว

สำหรับแผนการลงทุนนั้น บริษัทจะลงทุนอย่างระมัดระวังมากขึ้นและจะจับตาภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด อาจจะชะลอการลงทุนอาคารใหม่ในโรงงานที่จ.ระยองออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งตามแผนเดิมจะสร้างอาคารแห่งใหม่ มูลค่า 200-300 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตปีละ 6,000 ตัน และหากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวก็พร้อมจะขยายโรงงานทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น