ผู้จัดการรายวัน – “หัวม้าลาย” หวั่นตลาดส่งออกรวมเครื่องครัวสแตนเลสแข่งรุนแรงในเอเซีย เหตุอเมริกาตลาดใหญ่เจอวิกฤติ ผู้ประกอบการต่างเบนเข็มหาตลาดทดแทนเป้าหมายคือเอเซีย ด้านตลาดในประเทศยังประเมินไม่ออก 3 เดือนหลังจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ล่าสุดเปิดตัวกะทะใหม่NON-STICKยันเป้าโตปีนี้สองหลัก
นายเอกชัย ยังวาณิช รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เสถียรสเตนเลสสตีล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องครัวสเตนเลสสตีลตราหัวม้าลาย เปิดเผยว่า จากผลพวงวิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ทั้งสถาบันการเงินล้ม ภาวะเงินตึงตัว วิกฤติซับไพร์มจากอสังหาริมทรัพย์ แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั้งระบบทั่วโลก รวมทั้งตลาดเครื่องครัวสแตนเลสด้วย ซึ่งอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ของผู้ประกอบการหลายรายจากหลายประเทศ รวมทั้งจีนด้วยที่เป็นผู้ส่งออกไปอเมริการายใหญ่ ขณะที่ของบริษัทฯก็มีตลาดอเมริกาบ้างเช่นกันแต่ไม่มากนัก จากตลาดส่งออกรวมกว่า 40 ประเทศคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 30% ของบริษัทฯ
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคือ ผู้ประกอบการต้องหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดอเมริกา และเป้าหมายใหญ่ก็คือ ตลาดเอเซียซึ่งจะทำให้มีการแข่งขันรุนแรงโดยเฉพาะด้านการดั๊มราคา ซึ่งบริษัทฯก็เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว ทั้งในตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศ โดยเฉพาะแผนการขยายโรงงานการผลิตจากเดิมจะเริ่มกลางปีนี้ด้วยงบ 200 ล้านบาท ก็เลื่อนออกไปก่อน เพราะยังไม่แน่ใจสถานการณ์ในประเทศทั้งการเมืองที่ยังไม่ลงตัว และภาวะเศรษฐกิจ
“ช่วง 3 เดือนหลังนี้เรายังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ตอนนี้จะทำโปรโมชั่นก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาเรื่องกำลังซื้อหรือไม่ ตอนนี้เราต้องระวังเรื่องเครดิต เพราะขายของได้แต่เก็บเงินไม่ได้ เราไม่ต้องการแบบนี้ ปัญหาเครดิตจะเกิดกับพวกรายย่อยมากกว่าคือพวกยี่ปั๊วซาปั๊วขณะที่ดีลเลอร์ไม่ค่อยมีปัญหา อย่างไรก็ตาม ช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมาเราเติบโตดีมากกว่า 10% และทั้งปีคาดว่าน่าจะโตสองหลัก ขณะที่สินค้าหม้อก๋วยเตี๋ยวเติบโตมากที่สุด บริษัทฯผลิตได้เพียง 2,000 ใบต่อเดือน จากความต้องการของตลาดกว่า 2 ล้านใบ ”
นายเอกชัยกล่าวต่อว่า ช่องทางจำหน่ายยังเหมือนเดิมคือ 1.โมเดิร์นเทรด 2.เทรดดิชันแนลเทรด 3. ขายตรงเข้าโครงการ หน่วยงาน 4.ร้านซีบร้าชอป มี 40 กว่าแห่ง 5.ตลาดต่างประเทศซึ่งเน้นการส่งออกแบรนด์หัวม้าลาย ส่วนโออีเอ็มมีเล็กน้อย
สำหรับแผนตลาดจากนี้คือ เดือนพฤศจิกายนจะมีการออกสินค้าใหม่ประเภทคุกกิ้งแวร์ เจาะกลุ่มพรีเมียมครบไลน์สินค้า จับกลุ่มไฮเอนด์ ซึ่งทั้งปีใช้งบตลาด 50 ล้านบาท ปัจจุบันสัดส่วนสินค้าตราหัวม้าลายของบริษัทฯคือ กลุ่มหม้อ-กะทะ-คุกกิ้ง สัดส่วน 30% กลุ่มปิ่นโต-บรรจุภัณฑ์ สัดส่วน 30% กลุ่มช้อน สัดส่วน 30% ที่เหลือ 10% เป็นอื่นๆ
ล่าสุดได้ออกสินค้าใหม่ กะทะ NON-STICK ที่ใช้สารเคลือบผิวลื่นของดูปองท์ เทฟลอนแพล็ตตินั่ม มี 4 ขนาดคือ 24 ซ.ม. ราคา 860 บาท, ขนาด 26 ซ.ม. ราคา 920 บาท, ขนาด 28 ซ.ม. ราคา 1,020 บาท และขนาด 28 ซ.ม.ลึก ราคา 1,095 บาท
เนื่องจากตลาดกะทะ NON-STICK มีแนวโน้มการเติบโตดี ปัจจุบันมีปริมาณมากกว่า 600,000 -700,000 ใบ มีมูลค่าตลาดกว่า 200 ล้านบาท โดยที่บริษัทฯเข้าตลาดนี้ประมาณ 3-4 ปีมีส่วนแบ่งกว่า 10% คาดว่าจะจำหน่ายได้กว่า 5,000 ใบในช่วง 3 เดือนสุดท้ายนี้ และมั่นใจว่าการออกสินค้าใหม่นี้จะมีแชร์ในตลาดกะทะ NON-STICK เพิ่มขึ้นเป็น 15% ได้ภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้รายได้รวมในปีนี้จะเติบโตกว่า 10% จากรายได้รวมปีที่แล้วที่ทำได้มากกว่า 1,200 ล้านบาท
นายเอกชัย ยังวาณิช รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เสถียรสเตนเลสสตีล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องครัวสเตนเลสสตีลตราหัวม้าลาย เปิดเผยว่า จากผลพวงวิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ทั้งสถาบันการเงินล้ม ภาวะเงินตึงตัว วิกฤติซับไพร์มจากอสังหาริมทรัพย์ แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั้งระบบทั่วโลก รวมทั้งตลาดเครื่องครัวสแตนเลสด้วย ซึ่งอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ของผู้ประกอบการหลายรายจากหลายประเทศ รวมทั้งจีนด้วยที่เป็นผู้ส่งออกไปอเมริการายใหญ่ ขณะที่ของบริษัทฯก็มีตลาดอเมริกาบ้างเช่นกันแต่ไม่มากนัก จากตลาดส่งออกรวมกว่า 40 ประเทศคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 30% ของบริษัทฯ
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคือ ผู้ประกอบการต้องหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดอเมริกา และเป้าหมายใหญ่ก็คือ ตลาดเอเซียซึ่งจะทำให้มีการแข่งขันรุนแรงโดยเฉพาะด้านการดั๊มราคา ซึ่งบริษัทฯก็เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว ทั้งในตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศ โดยเฉพาะแผนการขยายโรงงานการผลิตจากเดิมจะเริ่มกลางปีนี้ด้วยงบ 200 ล้านบาท ก็เลื่อนออกไปก่อน เพราะยังไม่แน่ใจสถานการณ์ในประเทศทั้งการเมืองที่ยังไม่ลงตัว และภาวะเศรษฐกิจ
“ช่วง 3 เดือนหลังนี้เรายังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ตอนนี้จะทำโปรโมชั่นก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาเรื่องกำลังซื้อหรือไม่ ตอนนี้เราต้องระวังเรื่องเครดิต เพราะขายของได้แต่เก็บเงินไม่ได้ เราไม่ต้องการแบบนี้ ปัญหาเครดิตจะเกิดกับพวกรายย่อยมากกว่าคือพวกยี่ปั๊วซาปั๊วขณะที่ดีลเลอร์ไม่ค่อยมีปัญหา อย่างไรก็ตาม ช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมาเราเติบโตดีมากกว่า 10% และทั้งปีคาดว่าน่าจะโตสองหลัก ขณะที่สินค้าหม้อก๋วยเตี๋ยวเติบโตมากที่สุด บริษัทฯผลิตได้เพียง 2,000 ใบต่อเดือน จากความต้องการของตลาดกว่า 2 ล้านใบ ”
นายเอกชัยกล่าวต่อว่า ช่องทางจำหน่ายยังเหมือนเดิมคือ 1.โมเดิร์นเทรด 2.เทรดดิชันแนลเทรด 3. ขายตรงเข้าโครงการ หน่วยงาน 4.ร้านซีบร้าชอป มี 40 กว่าแห่ง 5.ตลาดต่างประเทศซึ่งเน้นการส่งออกแบรนด์หัวม้าลาย ส่วนโออีเอ็มมีเล็กน้อย
สำหรับแผนตลาดจากนี้คือ เดือนพฤศจิกายนจะมีการออกสินค้าใหม่ประเภทคุกกิ้งแวร์ เจาะกลุ่มพรีเมียมครบไลน์สินค้า จับกลุ่มไฮเอนด์ ซึ่งทั้งปีใช้งบตลาด 50 ล้านบาท ปัจจุบันสัดส่วนสินค้าตราหัวม้าลายของบริษัทฯคือ กลุ่มหม้อ-กะทะ-คุกกิ้ง สัดส่วน 30% กลุ่มปิ่นโต-บรรจุภัณฑ์ สัดส่วน 30% กลุ่มช้อน สัดส่วน 30% ที่เหลือ 10% เป็นอื่นๆ
ล่าสุดได้ออกสินค้าใหม่ กะทะ NON-STICK ที่ใช้สารเคลือบผิวลื่นของดูปองท์ เทฟลอนแพล็ตตินั่ม มี 4 ขนาดคือ 24 ซ.ม. ราคา 860 บาท, ขนาด 26 ซ.ม. ราคา 920 บาท, ขนาด 28 ซ.ม. ราคา 1,020 บาท และขนาด 28 ซ.ม.ลึก ราคา 1,095 บาท
เนื่องจากตลาดกะทะ NON-STICK มีแนวโน้มการเติบโตดี ปัจจุบันมีปริมาณมากกว่า 600,000 -700,000 ใบ มีมูลค่าตลาดกว่า 200 ล้านบาท โดยที่บริษัทฯเข้าตลาดนี้ประมาณ 3-4 ปีมีส่วนแบ่งกว่า 10% คาดว่าจะจำหน่ายได้กว่า 5,000 ใบในช่วง 3 เดือนสุดท้ายนี้ และมั่นใจว่าการออกสินค้าใหม่นี้จะมีแชร์ในตลาดกะทะ NON-STICK เพิ่มขึ้นเป็น 15% ได้ภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้รายได้รวมในปีนี้จะเติบโตกว่า 10% จากรายได้รวมปีที่แล้วที่ทำได้มากกว่า 1,200 ล้านบาท
