พิซซ่าฮัท ผลักดันดีลิเวอรี่เป็นเรือธงรายได้หลัก หวังสัดส่วนรายได้สิ้นปีนี้ 65% พร้อมเปิดสาขาเพิ่มอีก 4 จุด ดีลิเวอรี่สิ้นปีนี้ เผยอนาคตอาจจะแยกงบตลาด โปรโมชั่นตลาดเฉพาะ
นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด พิซซ่าฮัท บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ช่วงไตรมาสที่สามปีนี้ พิซซ่าฮัทมีการเติบโตเฉลี่ย 15% ทั้งประเภทนั่งทานในร้าน หรือ ไดน์อิน และ ดีลิเวอรี่ หรือจัดส่ง ด้วยเหตุผลหลักคือ มีการพัฒนาเมนูใหม่ และการเน้นหนักการทำตลาดดีลิเวอรี่มากขึ้น โดยทั้งปีตั้งเป้าจะเติบโต 15% เช่นกัน ซึ่งมูลค่าตลาดรวมพิซซ่าอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของพิซซ่าฮัทปัจจุบันอยู่ที่ นั่งทานในร้านและดีลิเวอรี่อย่างละ 45% และ 55% ตามลำดับ จากต้นปีที่สัดส่วนจะเท่ากันอย่างละ 50% และคาดว่าภายในสิ้นปีสัดส่วนรายได้จะมาจากดีลิเวอรี่มากถึง 60% ส่วนนั่งทานในร้านจะอยู่ที่ 40%
สำหรับแนวโน้มการเติบโตนั้น ในส่วนของดีลิเวอรี่จะมีการเติบโตมากขึ้นจากนี้ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น และค่าน้ำมันที่สูงทำให้คนชะลอการใช้จ่ายและออกจากบ้านน้อยลง โดยยอดการใช้จ่ายต่อบิลไม่แตกต่างกันมากนักคือ ไดน์อินมีประมาณ 450 บาทต่อครั้ง ส่วนดีลิเวอรี่อยู่ที่ 420 บาทต่อครั้ง ขณะที่ความถี่ในการเข้าร้านนั้นประมาณ 3 เดือนต่อ 2 ครั้ง ส่วนดีลิเวอรี่ใช้บริการอยู่ที่เดือนละครั้ง
แผนธุรกิจมีความเป็นไปได้จะแยกการทำตลาด แยกงบ แยกการทำโปรโมชันเฉพาะดีลิเวอรี่ออกมา แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ขณะที่การลงทุนสาขานั้นจะเน้นสาขาแบดีลิเวอรี่ โดยต้นปีนี้เปิดแล้ว 6 จุด กระจายในต่างจังหวัดมากเช่น ชลบุรี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต อยุธยา เป็นต้น และภายในสิ้นปีนี้จะเปิดอีก 4 จุด ส่วนร้านไดน์อินนั้นจะเปิดอีก 2 สาขา จากปัจจุบันมีสาขารวม 82 สาขา มีร้านดีลิเวอรี่ประมาณ 70 สาขา
การขยายจุดดีลิเวอรี่จากนี้จะเพิ่มที่ต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายตลาด ปัจจุบันสัดส่วนร้านดีลิเวอรี่จะอยู่ที่กรุงเทพฯ 70% และต่างจังหวัด ตามหัวเมืองใหญ่ 30% ซึ่งไตรมาสสุดท้ายจะเน้นการสร้างยอดขายของดีลิเวอรี่ทั้งการขยายสาขาครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ขยายบริการจนถึงเที่ยงคืน ทำโปรโมชันกระตุ้นการสั่ง
“นโยบายของเราคือ จะเน้นความเป็นผู้เชี่ยวชาญและชำนาญในเรื่องเมนูอาหาร และการทำดีลิเวอรี่เป็นหลัก เราไม่เน้น สปอร์ตมาร์เกตติ้งหรือมิวสิกมาร์เกตติ้งแต่อย่างใด ซึ่งในอนาตมีความเป็นไปได้ที่จะมีเมนูหลักอื่นๆเพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากพิซซ่า ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและโอกาสตลอดจนความต้องการของผู้บริโภคด้วย เพราะเราทำการวิจัยตลอดเวลาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ล่าสุดเปิดตัวมนูใหม่ดับเบิ้ลพิซซ่า เป็นพิซซ่า 2 ชั้น ราคา 379 บาท โดยทุ่มงบตลาด 20 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย” นางนงนุช กล่าว
นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด พิซซ่าฮัท บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ช่วงไตรมาสที่สามปีนี้ พิซซ่าฮัทมีการเติบโตเฉลี่ย 15% ทั้งประเภทนั่งทานในร้าน หรือ ไดน์อิน และ ดีลิเวอรี่ หรือจัดส่ง ด้วยเหตุผลหลักคือ มีการพัฒนาเมนูใหม่ และการเน้นหนักการทำตลาดดีลิเวอรี่มากขึ้น โดยทั้งปีตั้งเป้าจะเติบโต 15% เช่นกัน ซึ่งมูลค่าตลาดรวมพิซซ่าอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของพิซซ่าฮัทปัจจุบันอยู่ที่ นั่งทานในร้านและดีลิเวอรี่อย่างละ 45% และ 55% ตามลำดับ จากต้นปีที่สัดส่วนจะเท่ากันอย่างละ 50% และคาดว่าภายในสิ้นปีสัดส่วนรายได้จะมาจากดีลิเวอรี่มากถึง 60% ส่วนนั่งทานในร้านจะอยู่ที่ 40%
สำหรับแนวโน้มการเติบโตนั้น ในส่วนของดีลิเวอรี่จะมีการเติบโตมากขึ้นจากนี้ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น และค่าน้ำมันที่สูงทำให้คนชะลอการใช้จ่ายและออกจากบ้านน้อยลง โดยยอดการใช้จ่ายต่อบิลไม่แตกต่างกันมากนักคือ ไดน์อินมีประมาณ 450 บาทต่อครั้ง ส่วนดีลิเวอรี่อยู่ที่ 420 บาทต่อครั้ง ขณะที่ความถี่ในการเข้าร้านนั้นประมาณ 3 เดือนต่อ 2 ครั้ง ส่วนดีลิเวอรี่ใช้บริการอยู่ที่เดือนละครั้ง
แผนธุรกิจมีความเป็นไปได้จะแยกการทำตลาด แยกงบ แยกการทำโปรโมชันเฉพาะดีลิเวอรี่ออกมา แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ขณะที่การลงทุนสาขานั้นจะเน้นสาขาแบดีลิเวอรี่ โดยต้นปีนี้เปิดแล้ว 6 จุด กระจายในต่างจังหวัดมากเช่น ชลบุรี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต อยุธยา เป็นต้น และภายในสิ้นปีนี้จะเปิดอีก 4 จุด ส่วนร้านไดน์อินนั้นจะเปิดอีก 2 สาขา จากปัจจุบันมีสาขารวม 82 สาขา มีร้านดีลิเวอรี่ประมาณ 70 สาขา
การขยายจุดดีลิเวอรี่จากนี้จะเพิ่มที่ต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายตลาด ปัจจุบันสัดส่วนร้านดีลิเวอรี่จะอยู่ที่กรุงเทพฯ 70% และต่างจังหวัด ตามหัวเมืองใหญ่ 30% ซึ่งไตรมาสสุดท้ายจะเน้นการสร้างยอดขายของดีลิเวอรี่ทั้งการขยายสาขาครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ขยายบริการจนถึงเที่ยงคืน ทำโปรโมชันกระตุ้นการสั่ง
“นโยบายของเราคือ จะเน้นความเป็นผู้เชี่ยวชาญและชำนาญในเรื่องเมนูอาหาร และการทำดีลิเวอรี่เป็นหลัก เราไม่เน้น สปอร์ตมาร์เกตติ้งหรือมิวสิกมาร์เกตติ้งแต่อย่างใด ซึ่งในอนาตมีความเป็นไปได้ที่จะมีเมนูหลักอื่นๆเพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากพิซซ่า ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและโอกาสตลอดจนความต้องการของผู้บริโภคด้วย เพราะเราทำการวิจัยตลอดเวลาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ล่าสุดเปิดตัวมนูใหม่ดับเบิ้ลพิซซ่า เป็นพิซซ่า 2 ชั้น ราคา 379 บาท โดยทุ่มงบตลาด 20 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย” นางนงนุช กล่าว