xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนผวา ศก.สหรัฐฯ จี้รัฐบาลหาแผนรับมือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอกชนผวาปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯฉุด ศก.โลก ดิ่งหนัก จี้รัฐบาลใหม่ต้องเร่งหาแผนรับมือส่งสัญญาณเอกชนปรับตัวก่อนวิกฤต หวั่นส่งออกปี 2552 ปรับลดลงแต่ปีนี้คำสั่งซื้อมีล่วงหน้าแล้วอาจไม่กระทบมาก พร้อมเสนอให้เร่งฟื้นเชื่อมั่นด่วน แนะสเปก ครม.ใหม่รัฐมนตรี ศก.ต้องทำงานเข้าขากัน ต้องมีความรู้ความสามารถ เพราะต้องเข้ามาแก้ไข ศก.ในช่วงชะงักงัน “จักรมณฑ์” ชี้ เฟดอาจลด ดบ.แต่ไทยอาจไม่จำเป็นต้องทำตาม

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของไทยแล้วควรจะฟอร์มทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ ที่สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนและนักลงทุนได้ ส่วนนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ควรดำเนินการ คือ การเร่งฟื้นความเชื่อมั่นให้กลับมา และวางแผนรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัวจากผลกระทบการปิดตัวของสถาบันการเงินและวาณิชธนกิจของสหรัฐฯ เพื่อให้ภาคธุรกิจปรับตัว เพราะอาจจะกระทบต่อการส่งออกของไทยในปี 2552 ปรับลดลงได้

“รัฐบาลและเอกชนต้องทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะเวลานี้เศรษฐกิจโลกไม่ปกติ ผลพวงจากซับไพรม์ที่ทำให้แบงก์ใหญ่ๆ และวาณิชธนกิจปิดตัวไปนั้น ยังไม่รู้ว่าจะลุกลามไปยังที่อื่นมากน้อยเพียงใด และจะรุนแรงมากหรือไม่ ดังนั้น ครม.ใหม่ต้องเร่งประมวลผลให้เอกชนในการวางแผนรองรับเร่งด่วน เพราะส่งออกไทยนั้นพึ่งตลาดสหรัฐฯค่อนข้างมาก ซึ่งดูเบื้องต้นออเดอร์ผลิตในปีนี้ ไม่น่าจะกระทบมาก เพราะได้มีออเดอร์ล่วงหน้าแล้ว แต่ออเดอร์ปีหน้ากังวลว่าจะลดลง” นายสันติ กล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา 7 เดือน การลงทุนภาครัฐค่อนข้างต่ำการกระตุ้นเศรษฐกิจมีความจำเป็นเร่งด่วนโดยต้องเร่งผลักดันงบประมาณปี 2552 ออกมาโดยเร็ว พร้อมกันนี้ จะต้องเร่งการลงทุนจากนักลงทุนไทย และต่างประเทศที่ลดลงค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ในฐานะภาคเอกชนต้องการเห็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมควรเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ ทำงานร่วมกับเอกชนได้ และต้องทำงานร่วมกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ดี

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องเผชิญปัญหาทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ ดังนั้น รัฐบาลใหม่จะต้องทำงานร่วมกับเอกชนมากขึ้นกว่าอดีตเพราะจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศที่ชะงักงันแล้วยังต้องมาดูแลปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอีกด้วย ซึ่งจำเป็นที่ รมว.ของกระทรวงเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องทั้งเกษตรฯ อุตสาหกรรม พาณิชย์ และคลัง ต้องทำงานไปในทิศทางเดียวกัน

นายสมมาต ขุนเศษฐ รองเลขาธิการสายงานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ส.อ.ท.กล่าวว่า แม้ว่าจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ก็ยังมองว่าปัญหาการเมืองของไทยยังไม่จบง่ายๆ นัก ตราบใดที่ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารไม่ได้แยกให้ชัดเจนทำให้เกิดการผูกขาดทำให้การสรรหารัฐมนตรีที่เหมาะสมกับหน้าที่มาบริหารบ้านเมืองค่อนข้างยาก

**ชี้ เฟดลด ดบ.แต่ไทยไม่จำเป็นต้องทำตาม**

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรณี เลห์แมน บราเธอร์ส ประสบปัญหาล้มละลาย สิ่งที่เป็นห่วง คือ ด้านจิตวิทยาที่จะส่งผลกระทบตามมาหลังจากนี้ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจแต่ในแง่การส่งออกไทย แม้ว่าหลายอุตสาหกรรมจะพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯเป็นหลัก แต่การใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับสูง 75% อีกทั้งยังทำงานเป็น 2 กะ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าภาคอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อส่งออกของไทยจะชะลอใช้กำลังการผลิต

“กรณีที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงก็ไม่ใช่ว่าไทยจะต้องทำตามเพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องดูเช่น อัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารก็ไม่ใช่หัวใจหลักอีกต่อไป ดังนั้น เรื่องดอกเบี้ยจึงไม่มีผลมากต่อระบบเศรษฐกิจ” นายจักรมณฑ์ กล่าว

***สมาคมแสดงสินค้าฯหวั่นเงินตึงตัว***

นายพรรธระพี ชินะโชติ นายกสมาคมการแสดงสินค้าไทย กล่าวว่า กรณีที่ธนาคารเลห์แมน บราเธอร์ส ประเทศอเมริกา ล้มละลาย คาดว่า จะส่งผลกระทบต่อไทยแน่นอน เพราะ เลห์แมน เป็นธนาคารขนาดใหญ่มาก และธุรกิจจัดแสดงสินค้านานาชาติก็คงได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เพราะภาคเอกชนคงชะลอการลงทุน เพื่อรอดูสถานการณ์ เนื่องจากเลห์แมน ลงทุนกับสินทรัพย์ในไทยไว้มาก เมื่อมีปัญหาก็ต้องขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินออกไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินตึงตัวในประเทศ

อย่างไรก็ตาม นายพรรธระพี ได้กล่าวถึง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย ด้วยว่า ต้องการให้บริหารประเทศด้วยนโยบายประนีประนอม และต้องแสดงให้เห็นจริงว่า จะไม่ปกป้องอดีตนายกรัฐมนตรี เพราะหากบริหารประเทศแบบ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี หรือมีแนวคิดที่จะประกาศแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเอื้อประโยชน์แก้บุคคลเพียงคนเดียวอย่างที่ผ่านมา ประเทศชาติก็จะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกแน่นอน ส่วนสิ่งที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่นี้เร่งแก้ไขด่วน คือ ยุติความขัดแย้งของคนสองกลุ่มโดยเร็ว คือ กลุ่มพันธมิตรฯ และ กลุ่ม นปช.

ทางด้าน นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ธนาคารเลห์แมน มีกิจการในไทยเยอะมาก และยังเป็นเจ้าของโรงแรมบางแห่งในไทยด้วย ดังนั้น เมื่อล้มละลาย ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ธนาคารเลห์แมน มีอยู่ในประเทศไทยเช่นกัน แต่เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศว่า เลห์แมน มีทรัพย์สินในไทยแค่ 4,000 ล้านบาท ก็ทำให้มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าผลกระทบที่จะขึ้นกับประเทศไทยคงไม่มาก ส่วนกลุ่มเอไอจี ซึ่งกำลังประสบปัญหารุนแรง แต่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศแล้วว่าจะช่วยพยุงไว้ ตรงนี้จึงไม่น่าส่งผลกระทบต่อไทยมากเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น