แผนแยกราคาก๊าซแอลพีจี 2 ตลาด สะดุด! รักษาการ รมว.พลังงาน ยอมรับ สภาเลือกนายกฯ คนใหม่ ยังไม่ได้ กระทบนโยบายพลังงานล่าช้า ทั้งการขึ้นกราคาก๊าซแอลพีจี และการส่งเสริมแก๊สโซฮอล์อี 85 เป็นนโยบายพลังงานแห่งชาติ
วันนี้ (12 ก.ย.) พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า นโยบายพลังงานเรื่องการปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่ง-อุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน หลังประกาศแยกราคาเป็น 2 ตลาด รวมทั้งเรื่องการส่งเสริม อี 85 นั้น ต้องรอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะปรับราคาอย่างไร จากการที่ในขณะนี้สภาผู้แทนราษฎร ยังไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ นโยบายดังกล่าวก็จะต้องรอความชัดเจนต่อไป
ดังนั้น คาดว่า การประกาศราคาก๊าซ LPG คงจะต้องชะลอออกไป เพราะสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่เรียบร้อย แต่เชื่อว่า จะเป็นข่าวดี เพราะราคาก๊าซแอลพีจีจะปรับลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก นอกจากนี้ หากมีการประชุม กพช.แล้ว กระทรวงพลังงานจะเสนอให้เอทานอล เป็นวาระแห่งชาติด้วย ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ คงจะต้องรอที่ประชุมคณะอนุกรรมพิจารณาว่าจะปรับเพิ่มขึ้นหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในเรื่อง อี 85 ยังมีความคืบหน้าในเรื่องที่ ปตท.เปิดสถานีบริการนำร่องขายอี 85 แล้ว ขณะที่บริษัท มิตรผล ผู้ผลิตน้ำตาล เอทานอล ได้นำร่องนำเข้ารถยนต์อี 85 ประมาณ 20-30 คัน มาทดลองใช้อี 85 ด้วย
พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ กล่าวว่า ในเรื่องการส่งเสริมประหยัดพลังงาน กระทรวงพลังงานได้เดินหน้าต่อเนื่อง โดยวันนี้ (12 ก.ย.) ร่วมกับสำนักงานตลาด กทม.และ กฟผ.เดินหน้าตามโครงการตลาดสีเขียว เริ่มที่ตลาดประชานิเวศน์ 1 โดยกระทรวงมอบถังหมักก๊าซชีวภาพจากขยะอินทรีย์ หลอดตะเกียบเบอร์ 5 และเตามหาเศรษฐีแก่ชุมชนในตลาด ซึ่งในส่วนของถังผลิตก๊าซชีวภาพ จะใช้หมักขยะอินทรีย์ 40 กิโลกรัม/วัน ผลิตก๊าซชีวภาพได้ไม่น้อยกว่า 2.5 ลูกบาศก์เมตร/วัน ซึ่งทางตลาดจะนำก๊าซชีวภาพมาใช้ต้มน้ำร้อน สำหรับใช้ล้างพื้นภายในตลาดไล่สิ่งสกปรกร่วม 12 จุด ทั่วทั้งตลาด นับเป็นตลาดแห่งแรกและเป็นต้นแบบที่จะนำพลังงานทดแทนมาใช้