ทีม ศก.พรรค ปชป.เตือนรัฐบาล อย่าผลักภาระให้ผู้บริโภคด้วยการปล่อยลอยตัว “แอลพีจี” พร้อมจี้รัฐต้องประกาศนโยบายให้ชัดเจน ชี้ ประชาชนกำลังสับสนอย่างหนัก
วันนี้ (6 ก.ค.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาความสับสนของประชาชนต่อท่าทีในการกำหนดทิศทางการใช้เชื้อเพลิงในการเติมรถยนต์ โดยระบุว่า รัฐบาลคงต้องประกาศออกมาให้ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนสมารถวางแผนในการเดินทางประจำวัน และการเลือกใช้รถยนต์ตามความเหมาะสมในอนาคต
ตอนนี้รัฐบาลมัวแต่เล่นกับอำนาจของตัวเอง เร็วในสิ่งที่ไม่ควรดำเนินการ และไม่สนใจกับปัญหาหลักของประเทศ อย่างกรณีปัญหาวิกฤตราคาน้ำมัน ซึ่งกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิต และราคาสินค้า โดยเฉพาะเรื่องพลังงานทดแทน การใช้น้ำมันอี 85 ที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ และประชาชน สับสนว่า จะเริ่มใช้น้ำมันนี้เมื่อไหร่และจะกระทบต่อการส่งเสริมผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานหรือไม่
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการผลิตรถยนต์มีการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า และเกษตรกรได้ทราบแนวทางการลงทุนปลูกอ้อยและมันสำปะหลังผลิตน้ำมันดังกล่าวว่าจะมีผู้รับซื้อที่แน่นอนหรือไม่
ส่วนกรณี ก๊าซแอลพีจี (LPG) และ เอ็นจีวี (NGV) ควรแสดงท่าทีที่ชัดเจนในการส่งเสริมว่าจะให้ประชาชนใช้พลังงานเชื้อเพลิงชนิดใด ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลเองต้องอุ้มราคาก๊าซแอลพีจี ทั้งในส่วนภาคครัวเรือนและขนส่ง เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ใช้รถยนต์โดยเฉพาะแท็กซี่ ได้ลงทุนติดตั้งระบบแอลพีจีไปแล้วหลายแสนคัน เพราะความเข้าใจว่าก๊าซแอลพีจีเป็นพลังงานทีมีราคาถูก และรัฐบาลกำลังส่งเสริม
“ผมเห็นว่า ไม่ถูกต้องที่วันนี้รัฐจะผลักภาระให้ผู้บริโภคโดยการปล่อยราคาให้ลอยตัว เพียงเพราะอ้างว่า ผลิตก๊าซ LPG ที่มีอยู่ในอ่าวไทยไม่ทัน จึงจำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐไม่ได้มีการเตรียมการล่วงหน้า และไม่มีมาตรการรองรับที่ชัดเจน ทั้งที่สัญญาณการขึ้นราคาน้ำมันและการติดตั้งระบบแอลพีจีมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวอีกว่า หากรัฐบาลจะส่งเสริมให้ประชาชนติดตั้งก๊าซ NGV กระทรวงพลังงานสมควรเพิ่มสถานีให้บริการมากขึ้น หรือหากรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้คนหันมาเปลี่ยนระบบจากแอลพีจีมาเป็นเอ็นจีวี รัฐบาลก็ควรแบกรับภาระแทนผู้บริโภคในการเปลี่ยนด้วย เพราะขณะนี้ ประชาชนเปลี่ยนเป็นระบบแอลพีจีเพิ่มขึ้นทุกวัน
ส่วนกรณีการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์พีทีวี ของพรรคพลังประชาชน (พปช.) นายอรรถวิชช์ ระบุว่า จากการตรวจสอบในข้อกฎหมาย พบว่า ขณะนี้ยังมีความลักลั่นอยู่ เนื่องจากเป็นการตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ซึ่งคล้ายกับสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนอยากจะฝากไปยัง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ถือว่าเป็น ส.ส.อยู่ ควรที่จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างถูกต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย รวมทั้งการดำเนินการในการตั้งสถานีโทรทัศน์มีความจำเป็นในขณะนี้หรือไม่ อย่างไร
