“ฟิทช์ เรทติ้งส์” เล็งลดอันดับเครดิตของไทยก่อนกำหนด ชี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค-นักลงทุนอ่อนแอ การบริโภคในประเทศชะลอตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในระดับสูงบั่นทอนกำลังซื้อ คาดขยายตัวได้แค่ 4.6% ระบุ ยังไม่เห็นทางแก้ไขให้สถานการณ์ทางการเมืองของไทยปรับตัวดีขึ้นได้ พร้อมตาใกล้ชิด
วันนี้ (10 ก.ย.) นายเจมส์ แม็ก คอร์แมก หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับเครดิตประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัด กล่าวในงานสัมมนาประจำปีของบริษัท ฟิทช์ เรทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด โดยระบุว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้
อย่างไรก็ตาม นายเจมส์ ยอมรับว่า ในช่วงต่อไป เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และนักลงทุนอ่อนแอ การบริโภคในประเทศชะลอตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในระดับสูงบั่นทอนกำลังซื้อ โดย ฟิทช์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 4.6 เท่านั้น จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 5
สำหรับสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง มีผลกระทบโดยตรงกับภาวะเศรษฐกิจ และมีผลกระทบในทางลบต่อการแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย โดยปัจจัยทางการเมืองมีผลกระทบต่อนโยบายทางเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งมีผลกระทบโดยตรงกับการลงทุนของนักลงทุน และการใช้จ่าย ที่สำคัญ คือ ยังไม่เห็นทางแก้ไขให้สถานการณ์ทางการเมืองของไทยปรับตัวดีขึ้นได้ ซึ่งเรื่องนี้หากปล่อยให้ยาวนานจะมีผลต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
“ขณะนี้ เรายังคงจับตาสถานการณ์ ยังไม่เปลี่ยนแปลงอันดับความน่าเชื่อถือของไทย เพราะเครดิตประเทศมีความทนทานต่อสถานการณ์การเมืองระดับหนึ่ง แต่หากไม่สามารถจบปัญหาทางการเมืองได้ ปล่อยให้ยาวนาน หรือมีเหตุการณ์รุนแรง ฟิทช์ออาจจำเป็นต้องปรับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยของไทยที่อยู่ระดับ BBB+ ก่อน จากปกติจะมีการปรับประเมินอันดับความน่าเชื่อถือในต้นปี 2552”
นายวินเซนต์ มิลตัน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสถาบันการเงินและกรรมการผู้จัดการของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ไทยในปี 2551 คาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่า จะอ่อนตัวลงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอลงและส่วนต่างดอกเบี้ยที่ลดลง เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นและการขยายตัวของสินเชื่อที่ลดลง นอกจากนี้ หากปัญหาทางการเมืองยังคงยืดเยื้อหรือเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างมาก อาจส่งผลต่อแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารไทยในปี 2552 ได้