อธิบดีสรรพากร ส่งโฆษกฯ เปิดแถลงแทน ยันส่งหนังสือแจ้งแบงก์เพื่อทวงเงินอายัด “โอ๊ค-เอม” วงเงิน 1.2 หมื่นล.เป็นการทำตามหน้าที่ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ทางการเมือง ขณะที่เจ้าตัวโร่เข้าเจรจากล่อมผู้บริหาร “ใบโพธิ์” หวังสยบข่าวฉาว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสาธิต รังคสิริ แถลงข่าว
วันนี้ (25 ส.ค.) นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร ได้มอบหมายให้ นายสาธิต รังคสิริ โฆษกกรมสรรพากร กล่าวแถลงชี้แจงกรณีให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB นำส่งเงินภาษีอากรคงค้างในบัญชีของ นายพานทองแท้ และ นางสาวพิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวนกว่า 12,000 ล้านบาท โดยยืนยันว่า เป็นการดำเนินการตามประมวลรัษฎากรปกติของกรมสรรพากร ไม่ได้เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับผู้ใด
นายสาธิต ระบุว่า กรมสรรพากรทำตามประมวลรัษฎากร มาตราที่ 12 เพื่อให้ธนาคารไทยพาณิชย์ นำเงินส่งคืนกรมสรรพากร ซึ่งกรมสรรพากรจะนำเงินในส่วนนี้นำส่งเข้าเป็นรายได้ในทันที และไม่ใช่เป็นการนำเงินดังกล่าวคืนให้กับผู้เสียภาษี อย่างไรก็ตาม หากกรมสรรพากรไม่ดำเนินการในเรื่องนี้ ก็อาจจะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นายสาธิต อธิบายเพิ่มเติมว่า เนื่องจากกรณีที่มีผู้เสียภาษีเป็นหนี้ภาษีอากรค้าง และมีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารใด กรมสรรพากร ต้องสั่งอายัดเงินและให้ธนาคารนั้นส่งเงินของผู้ค้างภาษีอากรให้กรม ซึ่งกรณีของนายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา ที่ยังค้างภาษีการซื้อขายหุ้น บริษัท ชิน คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN จากบริษัทแอมเพิลริช จำนวน 12,000 ล้านบาท
“ผมยืนยันว่า ไม่ใช่การถอนอายัด แต่เป็นการแจ้งให้ธนาคารนำเงินที่อายัดไว้ นำส่งเพื่อชำระหนี้ภาษีพร้อม เบี้ยปรับ เงินเพิ่มและกรมต้องนำส่งเงินนั้นเข้าเป็นรายได้แผ่นดินทันที ส่วนการที่กรมฯ แจ้งให้ธนาคารส่งเงินในบัญชีมานั้น เพื่อชำระภาษี ซึ่งถือเป็นการทำตามกฎหมาย มิฉะนั้นจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่ผ่านมากรมมีหนังสือแจ้งไปธนาคารแล้ว 2 ครั้ง คือ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลง กรมก็ต้องแจ้งไปที่ธนาคารอีกครั้ง”
โฆษกกรมสรรพากร ยังชี้แจงอีกว่า การที่กรมแจ้งให้ธนาคารนำเงินที่อายัดไว้ นำส่งเพื่อชำระภาษีที่ค้าง ไม่ได้เป็นการคืนเงินภาษีแก่ผู้เสียภาษี แต่หากกรมไม่ดำเนินการใดๆ จะถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
รายงานข่าวจากกรมสรรพากร แจ้งว่า ขณะนี้ นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร อยู่ระหว่างการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่จะประชุมคณะกรรมการธนาคารพิจารณาในเรื่องนี้ และจะมีการแถลงเช่นเดียวกัน
"เลี้ยบ" ป้องสรรพากรทวงเงิน"โอ๊ค-เอม"
นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแล้วถึงการดำเนินการทำหนังสือของกรมสรรพากรให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ ให้คืนเงินอายัด 1.2 หมื่นล้านบาท ให้กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ว่าเป็นการดำเนินการตามหน้าที่ตามกฎหมาย และเป็นประโยชน์ของกรมสรรพากร เพราะตรงนี้ที่ผ่านมาเป็นปัญหาสุญญากาศ ใครมีหน้าทำอะไร ใครมีหน้าที่อายัด แต่กรมสรรพากรเพียงทำหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นการดำเนินการของสรรพากร เป็นเพียงการป้องกันปัญหาในอนาคตว่า ใครทำหรือไม่ทำ หากมีการฟ้องร้องอะไรขึ้นมาก็จะต้องมีการรับผิดชอบ ตนได้บอกข้าราชการให้กระทรวงการคลัง และกรมสรรพากร ไปแล้วว่า ให้ทำหน้าที่ อย่าไปทำเกินกฎหมาย
“จะได้เงินหรือไม่ ไม่ได้เป็นประเด็น แต่ธนาคารไทยพาณิชย์ จะต้องมีคำชี้แจงและรับผิดชอบในการตัดสินใจ เพราะหากกรมสรรพากรไม่ดำเนินการ อาจถูกกล่าวหาในภายหลังได้ว่าไม่ปฏิบัติตามหน้าที่”รมว.คลังระบุ
นายสุรพงษ์ กล่าวยืนยันตามรายงานของ รมช.คลัง ว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้ทำในระยะเวลา 1 - 2 วันที่ผ่านมา โดยได้มีการทำมาก่อนหน้านี้ และมีการประสานงานกันมาก่อน ส่วนข้อครหาที่ระบุว่า เป็นการช่วยเหลือนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ตนเห็นว่า ใครจะตั้งข้อสังเกตยังไงก็ได้ทั้งนั้น แต่ตนบอกข้าราชการว่า ให้ทำตามกฎหมายอย่างระมัดระวัง แต่ไม่ใช้ไม่ทำจนถูกกล่าวหาว่าละเว้น