ทีวีไทย กอดคอ สสส.จับ 3 ยักษ์ด้านรายการทีวี ทั้ง เวิร์คพอยท์, ซูเปอร์จิ๋ว และทีวีบูรพา ร่วมผลิตรายการสำหรับเด็กและเยาวชน เริ่มออนแอร์ ปลายเดือน ส.ค.นี้
นายเทพชัย หย่อง รักษาการผู้อำนวยการ สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ หรือ ไทยพีบีเอส เปิดเผยว่า สถานการณ์รายการเด็กและเยาวชนในประเทศไทย พบว่า ยังมีน้อย เนื่องจากมีเงื่อนไขต่างๆ ที่เข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต โดยเฉพาะผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ ทั้งในแง่ของผู้สนับสนุนรายการ และเรตติ้งรายการ ทำให้มีรายการเด็กและเยาวชนที่ดี และมีคุณภาพค่อนข้างน้อย แต่หลังจากที่มีองค์กรทีวีสาธารณะขึ้นมา ซึ่งมุ่งที่จะนำเสนอรายการที่ดีมีสาระประโยชน์ รวมถึงการให้ความสำคัญกับรายการเด็กและเยาวชน เชื่อว่า จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เด็กและเยาวชนได้รับชมรายการที่ดี รวมถึงผู้ผลิตรายการเองก็จะสามารถสร้างสรรค์รายการเด็กที่ดีๆ ออกมาได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงรายได้ที่จะมาจากโฆษณา
ล่าสุด ทางทีวีไทย ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.ในการที่จะร่วมกันพัฒนารายการต้นแบบสำหรับเด็กและเยาวชนอายุ 6-12 ปี มุ่งเน้นเนื้อหาให้เด็กและเยาวชนได้มีการพัฒนาด้านทักษะชีวิต โดยได้รับความร่วมมือจาก 3 บริษัทใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตรายการโทรทัศน์ คือ 1.บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กับรายการ “ว้าวุ่นรุ่นเล็ก” รูปแบบละคร จับกลุ่มเด็กอายุ 6-12 ปี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 11.05-11.30 น.เริ่มตอนแรกวันที่ 24 ส.ค.นี้
2.บริษัท ซูเปอร์จิ๋ว จำกัด กับรายการ “ขบวนการไร้พุง” เป็นรายการเรียลิตีที่ให้ความรู้ความเข้าใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กๆ ไปสู่พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ออกอากาศทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ เวลา 18.35-19.00 น.เริ่มตอนแรกวันที่ 28 ส.ค.นี้ และ 3.บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด กับรายการ “พลเมืองเด็ก” จับกลุ่มเด็กอายุ 6-12 ปี เป็นรายการที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ปรับตัวเข้ากับคน สังคม และสิ่งแวดล้อม ออกอากาศทุกวันจันทร์และอังคาร เวลา 18.35-19.00 น.เริ่มตอนแรกวันที่ 25 ส.ค.นี้
สำหรับความร่วมมือดังกล่าว ทาง สสส.จะเป็นผู้ออกทุนในการผลิตรายการทั้งหมด ขณะที่ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ จะทำหน้าที่ในการเป็นช่องทางในการนำเสนอ ส่วน 3 ผู้ผลิตรายการ จะทำหน้าที่เป็นผู้สร้างสรรค์รายการได้อย่างเต็มที่ ซึ่งแต่ละรายการ เฉลี่ยจะผลิตรายการประมาณ 24 สัปดาห์
จากการเพิ่มเวลาสำหรับรายการเด็กและเยาวชนครั้งนี้ ส่งผลให้สัดส่วนรายการเด็กและเยาวชนของไทยพีบีเอส มากกว่า 10% แล้ว ซึ่งถือเป็นสัดส่วนเวลาสำหรับเด็กและเยาวชนที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับฟรีทีวีช่องอื่นๆ ขณะเดียวกัน ทางสถานีกำลังพยายามผลักดันให้ช่วงเวลาเย็นของวันเสาร์และอาทิตย์ เป็นเวลาสำหรับครอบครัวด้วย ส่วนสัดส่วนรายการเกี่ยวกับเด็กจะพยายามให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของทางคณะกรรมการถาวรด้วย
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลจากทาง สสส.พบว่า ปัจจุบันเด็กใช้เวลาในการดูโทรทัศน์เฉลี่ย 6.1 ชั่วโมงต่อวัน หรือทั้งปี อยู่ที่ 2,236 ชั่วโมง มากกว่าเรียนหนังสือ ที่ทั้งปีใช้เวลาประมาณ 1,600 ชั่วโมง ส่วนรายการในฟรีทีวีทุกช่อง ตลอด 24 ชั่วโมง พบรายการเด็กเพียง 5.25% ของรายการทั้งหมด
