เอ พลัส เปิดแผนสองป้องกันวิกฤตเศรษฐกิจ และขยายทีมงานพีอาร์รองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นสวนกระแส พร้อมดันงานราชการ ปกป้องยอดขายหากตลาดชะลอตัว
นางสาวช่อผกา วิริยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ พลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เตรียมปรับแผนบริษัทก่อนวิกฤตเกิด รองรับภาวะน้ำมันแพง และเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ ด้วยการขยายทีมงานในส่วนตลาดบีโลว์เดอะไลน์โดยเฉพาะด้านประชาสัมพันธ์เพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา สวนกระแสตลาดขาลง
“เป็นที่น่าสังเกตว่า ในเดือนนี้มีลูกค้าใหม่จำนวนมากขอให้เราเข้าไปเสนองาน เพราะหลายที่เริ่มประคองตัวกันแล้ว ด้วยการตัดงบการตลาดและโฆษณาลง แต่หันมาใช้การประชาสัมพันธ์แทน เราจึงขยายทีมงานในส่วนนี้เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับลูกค้าใหม่ และคาดว่า ส่วนงานนี้จะเติบโตอีกมากหากราคาน้ำมันยังขึ้นไม่หยุดเช่นนี้”
ขณะเดียวกัน เอ พลัส ได้ปรับแผนเพิ่มส่วนแบ่งรายได้บริษัทจากงานราชการ โดยเริ่มส่งทีมงานออกตระเวนประมูลงานผลิตสื่อและวางแผนสื่อในหน่วยงานราชการ จนได้ผลตอบรับดีมาก สามารถประมูลงานได้ถึง 2 โครงการใหญ่ในเดือนเดียว
“เราเพิ่งได้งานผลิตรายการสั้นสอนภาษาอังกฤษให้กับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และงานจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งก่อนหน้านี้ เราอาจให้น้ำหนักกับงานราชการค่อนข้างน้อย แต่เพื่อป้องกันวิกฤตในอนาคต ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ เราจึงออกมาตรการเชิงรุกพลิกตัวรับงานราชการไว้ก่อน ทำให้บริษัทจะยังคงรักษายอดขายไว้ได้ตามเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี”
แนวทางใหม่นี้นับเป็นการดึงจุดแข็งด้านการเงินของบริษัทออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะ เอ พลัส เพิ่งจะเพิ่มทุนจดทะเบียนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยื่นขอเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ส่งผลให้บริษัทไม่เกิดปัญหาด้านกระแสเงินสด หากต้องเพิ่มลูกค้าในส่วนราชการ ซึ่งการเบิกจ่ายเงินล่าช้ากว่าเอกชน
นางสาวช่อผกา วิริยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ พลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เตรียมปรับแผนบริษัทก่อนวิกฤตเกิด รองรับภาวะน้ำมันแพง และเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ ด้วยการขยายทีมงานในส่วนตลาดบีโลว์เดอะไลน์โดยเฉพาะด้านประชาสัมพันธ์เพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา สวนกระแสตลาดขาลง
“เป็นที่น่าสังเกตว่า ในเดือนนี้มีลูกค้าใหม่จำนวนมากขอให้เราเข้าไปเสนองาน เพราะหลายที่เริ่มประคองตัวกันแล้ว ด้วยการตัดงบการตลาดและโฆษณาลง แต่หันมาใช้การประชาสัมพันธ์แทน เราจึงขยายทีมงานในส่วนนี้เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับลูกค้าใหม่ และคาดว่า ส่วนงานนี้จะเติบโตอีกมากหากราคาน้ำมันยังขึ้นไม่หยุดเช่นนี้”
ขณะเดียวกัน เอ พลัส ได้ปรับแผนเพิ่มส่วนแบ่งรายได้บริษัทจากงานราชการ โดยเริ่มส่งทีมงานออกตระเวนประมูลงานผลิตสื่อและวางแผนสื่อในหน่วยงานราชการ จนได้ผลตอบรับดีมาก สามารถประมูลงานได้ถึง 2 โครงการใหญ่ในเดือนเดียว
“เราเพิ่งได้งานผลิตรายการสั้นสอนภาษาอังกฤษให้กับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และงานจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งก่อนหน้านี้ เราอาจให้น้ำหนักกับงานราชการค่อนข้างน้อย แต่เพื่อป้องกันวิกฤตในอนาคต ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ เราจึงออกมาตรการเชิงรุกพลิกตัวรับงานราชการไว้ก่อน ทำให้บริษัทจะยังคงรักษายอดขายไว้ได้ตามเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี”
แนวทางใหม่นี้นับเป็นการดึงจุดแข็งด้านการเงินของบริษัทออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะ เอ พลัส เพิ่งจะเพิ่มทุนจดทะเบียนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยื่นขอเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ส่งผลให้บริษัทไม่เกิดปัญหาด้านกระแสเงินสด หากต้องเพิ่มลูกค้าในส่วนราชการ ซึ่งการเบิกจ่ายเงินล่าช้ากว่าเอกชน