ฮาโก้ฯ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจบริการอาหารจากสวิส บุกตลาดฟูดส์เซอร์วิส ประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปพรีเมียมแบรนด์ “ฮาโก้” นำร่อง 17 รายการ ทะลวงโรงแรม ภัตตาคาร แคเทอริง มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ศึกษาตลาดเซาท์อีสต์เอเชียขยายช่องทางค้าปลีกปลายปีนี้ ด้าน สยามฟูด เซอร์วิส เล็งเพิ่มผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป 10 แบรนด์ สิ้นปีโต 20-25% กวาด 1,000 ล้านบาท
นายสเตฟาน เกอนากิ ผู้จัดการฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท ฮาโก้ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อประกอบการอาหารจากสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดฟูดส์เซอร์วิส ในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งกลุ่มลูกค้าต้องการสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น และประการสำคัญ คือ กลุ่มโรงแรม ภัตตาคาร แคเทอริง มีขนาดใหญ่มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท บริษัทจึงรุกตลาดด้วยการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อประกอบอาหารระดับพรีเมียมภายใต้แบรนด์ “ฮาโก้” เจาะกลุ่มเป้าหมายโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ภัตตาคาร และธุรกิจจัดเลี้ยง
นำร่องด้วยการส่งสินค้า 17 รายการ แบ่งเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ น้ำสตอก ซอส ซุป เครื่องปรุงรส น้ำสลัด และส่วนผสมสำหรับทำขนม จากปัจจุบันบริษัทมีสินค้าทั้งหมดกว่า 1,000 รายการ ผลิตจากยุโรปและมาบรรจุภัณฑ์ที่มาเลเซีย จำหน่ายในราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ปกติ 5-10% โดยให้บริษัท สยามฟูด เซอร์วิส เป็นผู้จำหน่าย นอกจากนี้ บริษัทกำลังศึกษาตลาดเซาท์อีสต์เอเชีย รวมทั้งประเทศไทย เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายผ่านค้าปลีก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพโดยมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีแผนจะเริ่มดำเนินการปลายปีนี้ โดยใช้โรงงานมาเลเซียเป็นฐานการผลิตป้อนในตลาดเซาท์อีสต์เอเชีย
“จุดเด่นของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อประกอบอาหารฮาโก้ ไม่มีส่วนประกอบของผงชูรส วัตถุกันเสีย ไม่ใส่สีสังเคราะห์ และประการสำคัญ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากไม่ซื้อวัตถุดิบมาเคี่ยวหรือปรุงรสชาติ ซึ่งหลังจากบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในประเทศตะวันออกกลาง สิงคโปร์ ไต้หวัน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี”
นายเกอนากิ กล่าวว่า สำหรับบริษัทมีผลประกอบการรวมกว่า 200 ล้านสวิสฟรังก์ หรือประมาณ 6.56 พันล้านบาท โดยจำหน่ายสินค้าผ่านทางช่องทางค้าปลีกในยุโรป และอเมริกา และธุรกิจบริการด้านอาหาร และกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งผลิตภัณฑ์ 2 ใน 3 ได้วางจำหน่ายในสวิสเซอร์แลนด์ และที่เหลือส่งออกไปต่างประเทศ สำหรับเป้าหมายการทำตลาดในประเทศไทยปีแรกไม่ได้คาดว่าหวังยอดขาย แต่ต้องการสร้างการรับรู้กลุ่มเป้าหมายและให้เกิดการทดลองใช้
นายลอเลนท์ คอร์เดส ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาลูกค้า บริษัท สยามฟูด เซอร์วิส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแก่ผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร เปิดเผยว่า แนวทางการทำตลาดเน้นไดเร็กมาร์เกตติง นำร่องแนะนำสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้า และการสาธิตผลิตภัณฑ์โดยจัดกิจกรรมร่วมกับสมาคมพ่อครัวไทยและต่างชาติ การร่วมนิทรรศการอาหารที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่างแก่กลุ่มเป้าหมาย
“เรามั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์ฮาโก้ จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าในวงกว้าง จากปัจจุบันเรามีฐานลูกค้าจากโรงแรม ภัตตาคาร ธุรกิจจัดเลี้ยง 1,000 ราย เพราะขณะนี้ตลาดสินค้าระดับพรีเมียมยังไม่มีใครทำ และด้วยชื่อเสียงของกลุ่มฮาโก้ ซึ่งเป็นที่รู้จักในกลุ่มพ่อครัวต่างชาติ จึงช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี”
สำหรับปีนี้บริษัทมีแผนเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอาหารเพิ่มอีก 10 แบรนด์ จากปัจจุบันเป็นผู้จำหน่าย 25 แบรนด์ โดยผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 20-25% หรือมีรายได้ 1,000 ล้านบาท ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโต 25%
นายสเตฟาน เกอนากิ ผู้จัดการฝ่ายการขายและการตลาด บริษัท ฮาโก้ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อประกอบการอาหารจากสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดฟูดส์เซอร์วิส ในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งกลุ่มลูกค้าต้องการสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น และประการสำคัญ คือ กลุ่มโรงแรม ภัตตาคาร แคเทอริง มีขนาดใหญ่มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท บริษัทจึงรุกตลาดด้วยการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อประกอบอาหารระดับพรีเมียมภายใต้แบรนด์ “ฮาโก้” เจาะกลุ่มเป้าหมายโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ภัตตาคาร และธุรกิจจัดเลี้ยง
นำร่องด้วยการส่งสินค้า 17 รายการ แบ่งเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ น้ำสตอก ซอส ซุป เครื่องปรุงรส น้ำสลัด และส่วนผสมสำหรับทำขนม จากปัจจุบันบริษัทมีสินค้าทั้งหมดกว่า 1,000 รายการ ผลิตจากยุโรปและมาบรรจุภัณฑ์ที่มาเลเซีย จำหน่ายในราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ปกติ 5-10% โดยให้บริษัท สยามฟูด เซอร์วิส เป็นผู้จำหน่าย นอกจากนี้ บริษัทกำลังศึกษาตลาดเซาท์อีสต์เอเชีย รวมทั้งประเทศไทย เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายผ่านค้าปลีก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพโดยมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีแผนจะเริ่มดำเนินการปลายปีนี้ โดยใช้โรงงานมาเลเซียเป็นฐานการผลิตป้อนในตลาดเซาท์อีสต์เอเชีย
“จุดเด่นของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อประกอบอาหารฮาโก้ ไม่มีส่วนประกอบของผงชูรส วัตถุกันเสีย ไม่ใส่สีสังเคราะห์ และประการสำคัญ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากไม่ซื้อวัตถุดิบมาเคี่ยวหรือปรุงรสชาติ ซึ่งหลังจากบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในประเทศตะวันออกกลาง สิงคโปร์ ไต้หวัน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี”
นายเกอนากิ กล่าวว่า สำหรับบริษัทมีผลประกอบการรวมกว่า 200 ล้านสวิสฟรังก์ หรือประมาณ 6.56 พันล้านบาท โดยจำหน่ายสินค้าผ่านทางช่องทางค้าปลีกในยุโรป และอเมริกา และธุรกิจบริการด้านอาหาร และกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งผลิตภัณฑ์ 2 ใน 3 ได้วางจำหน่ายในสวิสเซอร์แลนด์ และที่เหลือส่งออกไปต่างประเทศ สำหรับเป้าหมายการทำตลาดในประเทศไทยปีแรกไม่ได้คาดว่าหวังยอดขาย แต่ต้องการสร้างการรับรู้กลุ่มเป้าหมายและให้เกิดการทดลองใช้
นายลอเลนท์ คอร์เดส ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาลูกค้า บริษัท สยามฟูด เซอร์วิส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแก่ผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร เปิดเผยว่า แนวทางการทำตลาดเน้นไดเร็กมาร์เกตติง นำร่องแนะนำสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้า และการสาธิตผลิตภัณฑ์โดยจัดกิจกรรมร่วมกับสมาคมพ่อครัวไทยและต่างชาติ การร่วมนิทรรศการอาหารที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่างแก่กลุ่มเป้าหมาย
“เรามั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์ฮาโก้ จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าในวงกว้าง จากปัจจุบันเรามีฐานลูกค้าจากโรงแรม ภัตตาคาร ธุรกิจจัดเลี้ยง 1,000 ราย เพราะขณะนี้ตลาดสินค้าระดับพรีเมียมยังไม่มีใครทำ และด้วยชื่อเสียงของกลุ่มฮาโก้ ซึ่งเป็นที่รู้จักในกลุ่มพ่อครัวต่างชาติ จึงช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี”
สำหรับปีนี้บริษัทมีแผนเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอาหารเพิ่มอีก 10 แบรนด์ จากปัจจุบันเป็นผู้จำหน่าย 25 แบรนด์ โดยผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 20-25% หรือมีรายได้ 1,000 ล้านบาท ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโต 25%